“แผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง” มีเป้าหมายหลักเพื่อเป็นโครงการนำร่องในการพัฒนาเมือง ปรับปรุงพื้นที่เสื่อมโทรมให้ดีขึ้นทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีองค์ประกอบด้านบริการชุมชนที่สมบูรณ์อย่างเพียงพอทำให้เกิดความสะดวก และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยในชุมชนดินแดง
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า โครงการเคหะชุมชนดินแดงเป็นชุมชนขนาดใหญ่อยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร มีประชากรอยู่อาศัยประมาณ 30,000 คน ทำให้ประสบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาขยะมูลฝอยเนื่องจากเมื่อใช้สูตรคำนวณจากข้อมูลของกรุงเทพมหานคร 1×1.2 กก./คน/วัน ในแต่ละวันจะมีปริมาณขยะมูลฝอยถึง 36 ตัน และในอนาคตปัญหาขยะมูลฝอยมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากกรุงเทพมหานครไม่สามารถนำขยะมูลฝอยไปกำจัดทิ้งได้ 100% ทำให้เกิดขยะตกค้าง สร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและมลพิษให้กับชุมชนเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่มาของ “โครงการรณรงค์การคัดแยกขยะรีไซเคิลเคหะชุมชนดินแดง” และจัดตั้งธนาคารสัจจะรีไซเคิลเคหะชุมชนดินแดง 1 และธนาคารสัจจะรีไซเคิลเคหะชุมชนดินแดง 2 โดยปัจจุบันธนาคารสัจจะรีไซเคิลเคหะชุมชนดินแดง 1 มีสมาชิก 86 คน ขณะที่ธนาคารสัจจะรีไซเคิลเคหะชุมชนดินแดง 2 มีสมาชิก 171 คน มีเงินสะสมแต่ละแห่งกว่า 1 แสนบาท
“โครงการรณรงค์การคัดแยกขยะรีไซเคิลเคหะชุมชนดินแดง เป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญของมิติใหม่ในการดำเนินงานของการเคหะแห่งชาติ ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง หากแต่ยังตระหนักถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยที่ครอบคลุมด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสุขภาวะซึ่งเป็นแนวทางที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เน้นย้ำมาโดยตลอด” ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าว
ขณะที่ นายสุพจน์ เกษรบัว ประธานธนาคารสัจจะรีไซเคิลเคหะชุมชนดินแดง 1 ได้บอกเล่าถึงการก่อตั้งธนาคารฯ ว่า เริ่มจากความร่วมมือของผู้อยู่อาศัยในชุมชน เนื่องจากปริมาณขยะมีจำนวนมาก และการเคหะแห่งชาติได้สนับสนุนให้คนในชุมชนไปศึกษาดูงานที่โครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดระยอง (วังหว้า) เพื่อให้สมาชิกในชุมชนเรียนรู้และเข้าใจการคัดแยกขยะประเภทต่าง ๆ และแนวทางการนำขยะมาฝากธนาคารแล้วกลายเป็นเงินออม จากนั้นจึงมีการจัดตั้ง “คณะกรรมการธนาคารสัจจะรีไซเคิลเคหะชุมชนดินแดง 1” เมื่อประมาณ2 ปีที่ผ่านมา
นายสุพจน์ ยังเล่าอีกว่า ขั้นตอนการเข้ามาเป็นสมาชิก “ธนาคารสัจจะรีไซเคิล” ชาวชุมชนต้องเข้ามาเป็นหุ้นส่วนก่อนโดยมีค่าสมาชิกเริ่มต้นที่ 150 บาท แบ่งเป็น 100 บาท คือทุนในการที่เข้ามาเป็นหุ้นส่วนของธนาคารฯ และอีก 50 บาท แยกเป็นค่าเล่มบัญชี 30 บาท ค่าดำเนินการอีก 20 บาท ทั้งนี้เมื่อชาวชุมชนที่คัดแยกขยะนำมาฝากขาย ทางธนาคารฯ จะรับซื้อในราคา 70% ของราคาท้องตลาด และธนาคารจะนำไปขายเต็มราคา 100% โดยเงินส่วนต่าง 30% จะนำมาไปปันผลปลายปีให้แก่สมาชิก สำหรับเงิน 70% ซึ่งเป็นเงินออมของสมาชิกจะสามารถเบิกจ่ายได้หลังจากฝากไปแล้ว 3 เดือน
ทั้งนี้ ขยะรีไซเคิลที่รับซื้อจะมีทั้งขวดแก้ว ขวดพลาสติก เหล็ก อลูมิเนียม กระดาษ หรือทุกอย่างที่ขายได้ ยกเว้นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยาก ต้องนำคัดแยกทั้งเหล็ก พลาสติก ทองแดง แต่ขณะนี้ชุมชนยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ในอนาคตหากผ่านพ้นช่วงการแพร่ระบาดของเชีื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว มีแนวทางที่จะเพิ่มแนวทางการพัฒนาส่วนนี้เพิ่มขึ้น
“ทุกวันนี้ธนาคารสัจจะรีไซเคิลเคหะชุมชนดินแดง 1 มีสมาชิกอยู่กว่าแปดสิบคน มีสมาชิกที่นำขยะรีไซเคิลมาขายอยู่เป็นประจำประมาณสามสิบคน ธนาคารฯ มีเงินสะสมราวห้าหมื่นกว่าบาท แต่ตอนเริ่มต้นมีเงินสะสมเกือบหนึ่งแสนบาท ที่ลดลงเพราะสมาชิกได้เบิกเงินออมนำไปใช้จ่ายจากผลกระทบของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนเห็นภาพที่ชัดเจนร่วมกันว่า ธนาคารสัจจะรีไซเคิลสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและยังสามารถสร้างเงินออมในยามจำเป็นให้แก่สมาชิกได้ด้วย ทุกวันนี้จึงมีการจัดกิจกรรม “เยาวชนรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม” เพิ่มขึ้น เพื่อให้เยาวชนในเคหะชุมชนดินแดง 1 ได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นสมาชิก และมีความรู้จากการคัดแยกขยะนำมาขายเพื่อเป็นเงินออม สามารถแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วอนาคตอยู่ในมือของพวกเขานั่นเอง” ประธานธนาคารสัจจะรีไซเคิลฯ กล่าว