นายอำนวย ศรีระแก้ว กล่าวอีกด้วยว่า บัณฑิตอาสาฯ ถือเป็นบุคคลที่กระจายอยู่ในทุกพื้นที่ และสามารถเข้าไปถึงตัวของประชาชนได้อย่างดี ซึ่งการเก็บข้อมูลในขั้นต้นนั้น จะถือเป็นการช่วยคัดกรองผู้ป่วยให้กับกลุ่มงานสาธารณสุขด้วย และถือเป็นการทำงานเพื่อให้เกิดความเอกภาพและมีการบูรณาการกันในทุกภาคส่วน ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องผ่านวิกฤตของโรคนี้ไปให้ได้
ด้าน นายธีรศักดิ์ บินมูซอ ประธานบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิ กล่าวว่า จากข้อสั่งการดังกล่าวบัณฑิตอาสาทั้ง 2,229 คนใน 5 จชต. พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากเป็นการทำงานเพื่อภาครัฐแล้วยังถือเป็นการทำงานเพื่อส่วนรวมโดยเฉพาะเป็นการป้องกันไม่ให้มีการระบาดของโรค Covid-19 ในพื้นที่ด้วย และที่สำคัญข้อมูลที่ได้จากบัณฑิตอาสาฯนั้น ถือเป็นข้อมูลดิบที่ทีความน่าเชื่อถือได้ เพราะมาจากพื้นที่โดยตรงเมื่อเกิดการระบาดของโรคขึ้น แนวทางการแก้ปัญหาและเข้าไปดูแลรักษารวมถึงป้องกันจะได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
ส่วนข้อมูลในการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจในการดูแลตนเองและการกักตัวเอง 14 วัน สำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงประเทศเสี่ยงนั้น มีการกำชับให้เอาข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขและจากศูนย์ประสานงานการบริหารจัดการและแก้ปัญหาผลกระทบโรคโควิด-19 ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดการสับสนและเพื่อให้การชี้แจงเป็นไปแนวทางเดียวกัน