RT – กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า เมื่อช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (6 ก.พ.) กองทัพอิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายบริเวณชานกรุงดามัสกัส กระตุ้นให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียทำงาน ส่งผลให้เครื่องบินพานิชย์ที่มีผู้โดยสารบนเครื่อง 172 คนตกอยู่ในภาวะอันตราย และต้องเปลี่ยนเส้นทางการบินลงจอดฉุกเฉินที่ฐานทัพอากาศคะมีมิม
เครื่องบินโดยสาร แอร์บัส-320 ที่เดินทางจากกรุงเตหะรานมายังกรุงดามัสกัส ถูกบังคับให้ลงจอดฉุกเฉินหลังเครื่องบินรบเอลยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายชานกรุงดามัสกัส โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียประณามนักบินอิสราเอลที่พยายามใช้เครื่องบินพลเรือนเป็นโล่ป้องกันตนเอง
เครื่องบินโดยสารลำดังกล่าวมีกำหนดลงจอดที่สนามบินนานาชาติกรุงดามัสกัส แต่ต้องรีบลงจอดฉุกเฉินเพราะถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศซีเรียล็อกเป้าเตรียมยิงขีปนาวุธทำลาย ซึ่งเป็นผลจากในเวลาเดียวกันที่เครื่องบินรบ เอฟ-16 ของอิสราเอล 4 ลำ ยิงขีปนาวุธจากอากาศสู่พื้นอย่างน้อย 8 ลูกจากบริเวณนอกน่านฟ้าซีเรียเพื่อทำลายเป้าหมายในชานกรุงดามัสกัส
พลเอกอิกอร์ โกนาเชนกอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า รัฐบาลเทลอาวีฟรู้ถึงเส้นทางการบินของเครื่องบินพานิชย์และความเคลื่อนไหวในน่านฟ้าบริเวณรอบกรุงดามัสกัสทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นอย่างดี และปฏิบัติการที่สุดแสนจะสะเพร่านี้เป็นสิ่งยืนยันว่ายุทธศาสตร์การรบของอิสราเอลไม่เคยคำนึงถึงความสูญเสียของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นเลย
อนึ่งเหตุการณ์ที่เกือบก่อให้เกิดความสูญเสียเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2018 รัฐบาลรัสเซียก็เคยตำหนิอิสราเอลหลังใช้เครื่องบินโดยสาร 2 ลำเป็นโล่ในระหว่างโจมตีเป้าหมายในกรุงดามัสกัสมาแล้วเช่นกัน