รายการ เป็นเรื่องใหญ่ ออนแอร์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.05 น. ทางช่อง JKN 18 ดำเนินรายการโดย “อั๋น ภูวนาท คุนผลิน” วันนี้ (4 มี.ค.) ยังเกาะติดเหตุการณ์หลังการเสียชีวิตของนางเอกชื่อดัง “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” โดยเปิดใจสัมภาษณ์ สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตดำรวจสันติบาล, ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร และ ทนายความบัญชา หรือ ทนายอู๋
30 ล้านที่คนพูดถึง จริงๆ แล้วคุณแม่รับมาแล้ว 20 ล้านเคยได้ยินมั้ย?
รณณรงค์ : มันมีเข้าหูมาเหมือนกันว่าตอนแรกขอ 30 แล้วเขาให้ 20 แต่มันเช็กจากใครไม่ได้ แต่วันนี้เราได้ยินกันแล้วว่าตัวเลขมันคือ 30 ถ้าอย่างนั้นข้อมูลที่เราได้มาน่าจะตรงกัน แต่กลับไปที่ 30 แล้วมั้ง
นอกเหนือจากการที่เขาพูดมาลอยๆ แบบนี้หรือมีการตกลงกันภายนอก?
รณณรงค์ : อันนี้เขาประกาศชัดแล้วนะว่าเขาเอา 30 เพราะฉะนั้นต้องเอาตัวเลขแม่เป็นตัวตั้งเลยว่า 30 ล้าน
คือในความเป็นจริงแบบนี้ถ้าอีกฝั่งนึงเขายอม 30 คดีจบจริงเหรอ?
รณณรงค์ : คืออย่างแรกเลยนะครับถ้าผมฟังไม่ผิด คุณแม่เอา 30 จากโรเบิร์ตกับไฮโซปอคนละ 30 เป็น 60 ล้านนะถ้าผมฟังไม่ผิดดูจากที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์นะ สิทธิของผู้เสียหายที่จะเรียกค่าเสียหายจะเรียกเท่าไหร่ก็ได้แต่มันต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ซึ่งแม่คำนวณให้ชัดๆ แล้วว่าน้องแตงโมเล่นละครปีนึงประมาณ 2 เรื่อง เรื่องละประมาณ 8 แสน-1ล้าน เพราะฉะนั้นก็เรียกไป 30 ปี ก็ 30 ล้านไม่ได้เอาเยอะ นี่ถือว่าคุณแม่ยังเรียกถูกนะ เพราะแม่ยังไม่ได้เรียกสปอนเซอร์ตัวอื่นอีก ถ้าเราถามว่าคนที่เป็นระดับนางเอกเรียกขนาดนี้ผมว่ามันไม่ได้แพงเกินไป
ในความเป็นจริงความคิดของคุณแม่สมเหตุสมผลในทางกฎหมายมั้ย?
รณณรงค์ : คือถ้าคุณแม่เขาสามารถพิสูจน์ได้ และผมเชื่อว่าสามารถพิสูจน์ได้ด้วยนะ เพราะการจ่ายละครมันจะมีใบเสร็จ ใบเสียภาษีอยู่แล้ว มันสามารถนำมาบวกลบคูณหารแล้วก็เฉลี่ยได้ ผมเชื่อด้วยว่ามันสามารถเรียกได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำแต่เขาเอาแค่นี้
คุณแม่พูดแบบนี้เหมือนเป็นการตกลงกันเองมั้ย?
รณณรงค์ : ถ้าอีกฝั่งนึงเขายอมจ่ายก็คือจบ พอจบแล้วเขาจะมีเงื่อนไขหรือไม่มีก็ได้นะ อย่างเช่นแม่ต้องดูแลลูกอีก 2 คนด้วยนะครับที่เป็นลูกใหม่ของคุณแม่
คำว่าดูแลในที่นี้แปลว่าอะไร ไม่เอาเรื่อง?
รณณรงค์ : ก็เป็นอย่างนั้น เพราะวันนี้เนี่ยคุณแม่ให้อภัยแล้ว เพราะฉะนั้นเราเป็นคนนอกที่เราบอกว่าหอนผมก็เป็นส่วนนึงที่หอนด้วยอยากจะเห่าให้ฟังด้วยซ้ำ
การที่คุณแม่บอกว่าไม่เอาเรื่องแล้วจบ 2 คนนี้รอดเลยเหรอ?
รณณรงค์ : ไม่รอดสิ คือในคดีส่วนค่าเสียหายเขามีสิทธิเยียวยา แต่ว่าในคดีอาญาต้องเดินหน้าต่อไป แต่ว่าพอผู้เสียหายเขาไม่ติดใจแบบนี้เราไม่แน่ใจว่าตำรวจเขาจะเดินเกียร์ 10 ต่อมั้ยหรือจะถอย
ที่ผ่านมาคุณแตงโมจะทำงานมา เล่นละครจะกี่เรื่องก็แล้วแต่ เขาให้คุณแม่หรือเปล่าจริงๆแล้วมันต้องคิดจากตรงนั้นอีกทีมั้ยครับ?
รณณรงค์ : เห็นที่คุณแม่พูดแล้วก็ที่ผู้จัดการส่วนตัวพูด ประมาณเดือนละ 3 หมื่นบาท แต่ว่าต้องเข้าใจอย่างนึงตอนนี้มันเป็นเรื่องที่คนทั้งประเทศสนใจคุณแตงโมมากตัวเลขมันดีดขึ้นดีดลงได้ครับ เหมือนหุ้น
สมมติแบบนี้ถ้าเข้าสู่กระบวนการกฎหมายศาลเขาจะคิดมั้ยครับว่าได้เดือนละ 3 หมื่นก็คิดไป 30 ปี?
รณณรงค์ : อันนั้นเป็นเรื่องที่กระบวนการศาลจะวินิจฉัยว่าให้เท่าไหร่ แต่เราก็มีสิทธิเรียก เราจะเรียกเป็น 100 ล้านก็ได้ แต่ศาลจะให้เท่าไหร่นั่นอีกเรื่องนึง แต่วันนี้ตัวเลข 30 ล้านก็ถือว่าเยอะถ้ามันได้วันนี้นะ
คุณสันธนะมองว่ายังไงบ้างครับกับประเด็นนี้?
สันธนะ : คือการชดเชยเยียวยาเป็นสิทธิของคุณแม่คุณแตงโมอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้น่าจะรออีกสักระยะนึงให้ความจริงปรากฏก่อนดีมั้ย ทำไมรีบเอาตัวเลขนี้ออกมา เพราะเนื่องจากว่า สำนวนคดีนี้พนักงานสอบสวนเขายังไม่ได้สรุปประเด็นที่เราเข้าใจกันว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ แม้จะมีผู้ต้องหาแต่มันก็เป็นข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วขณะที่การแจ้งข้อหาก็ไม่ได้ชัดด้วยว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำผิด เพราะเหตุเกิดเนี่ย เรือสปีดโบ๊ตขับได้คนเดียว แล้วคุณไปแจ้งผู้กระทำผิด 2 คน มันยังมีความพิรุธในคดีอีกมาก คือผมมองว่าถ้าคุณแม่พูดไป 30 ล้านแล้วมีการเยียวยา 30 ล้านตรงนี้เกิดขึ้นมันจะปิดสำนวนได้เลยไง มันจะเปลี่ยนเกม เพราะเขาเป็นผู้เสียหายจริงๆ ตามกฎหมาย ในเมื่อผู้เสียหายไม่ติดใจก็จบแล้ว ในเมื่อเรามาอยู่ที่นี่เพราะคลางแคลงใจแล้วจะปล่อยให้มันจบด้วยเงิน 30 ล้านผมไม่ทราบนะว่าเงินจำนวนนี้ใครเป็นคนเสนอ
รณณรงค์ : ฝั่งแม่น้องแตงโมนี่แหละครับเป็นคนเสนอ เพราะฝั่งโน้นเขาบอกว่าให้เสนอมาเลยผมคูณให้ ใช้คำนี้เลยนะ
สิ่งที่คุณสันธนะได้รับข้อมูลมาว่า ผมพูดตรงๆ เลยนะคุณแตงโมรับงานเอ็น?
สันธนะ : ไม่ใช่โดยตรงเลยนะ ที่เราทราบเป็นการเอาเรือสปีดโบ๊ตออกแล้วมีผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 3 คน เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องของคุณแตงโมนะ
แปลว่ามันเป็นเรื่องของการรับงานบางอย่างหรือเปล่าครับ?
สันธนะ : ข้อตกลงเงื่อนไขผมไม่ทราบ และผมก็คิดว่าที่มีเหตุเพราะคุณแตงโมไม่ทราบมาก่อน
แปลว่าต้องมีบางคนบนเรือมีจุดประสงค์นี้อยู่แล้วอย่างชัดเจน?
สันธนะ : คือถ้าใช่ก็ต้องเป็นผู้ชาย 3 คนบนเรือ แต่ที่ผมทราบมันไม่ใช่ผู้ชาย 3 คนนี้ไง
แปลว่าต้องมีตัวละครอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง?
สันธนะ : ใช่เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมติดตามมาตั้งแต่ตอนเกิดเหตุ เพราะประเด็นการเสียชีวิตของคุณแตงโมมันเป็นคดีอาญา และเหตุที่เสียชีวิตแต่แรกผมก็ไม่เชื่อไงไม่ใช่เพิ่งมาไม่เชื่อ
ผมถามเลยว่าที่ไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุเหรอ?
สันธนะ : ก็เขาตกท้ายเรือสปีดโบ๊ตขณะไปทำธุระตรงนี้ คนเขียนสคริปต์เขาก็เขียนแบบคนที่ไม่เคยใช้ชีวิตหรือเคยใช้เรือสปีดโบ๊ต ผมพูดตรงๆ ผมก็คิดเอานะ ถ้าอยู่แค่ 5 6 คนรวมคุณแตงโมมันจะเป็นอีกประเด็นนึงแต่มันมีอีกบุคคลนึงซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุที่ทำให้มีเรื่องรุนแรงถึงเสียชีวิตกัน
แปลว่ากำลังมองว่าเป็นการเสียชีวิตอย่างจงใจเหรอ?
สันธนะ : มันไม่ใช่อุบัติเหตุไง ความเห็นผมมันแน่นอนนะ ผมถึงบอกว่าในการสอบสวนนำตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดลงเรือไป คำตอบก็ยังไม่มีถูกมั้ย ว่าเป็นไปได้มั้ย เกิดขึ้นได้จริงมั้ย แต่ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจด้วยนะว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเหตุนี้ตามที่เขาให้การกัน
มีคนอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องนั้นคือคนที่คาดหวังว่าจะได้เจอกับคุณแตงโมหลังจากการล่องเรือจบลง?
สันธนะ : ใช่ เขาเป็นบุคคลที่ให้ใครเห็นไม่ได้เพราะนี่มันเป็นเรื่อส่วนตัว
รณณรงค์ : แล้วปกติเวลาเขาไปส่งเขาไปส่งกันยังไงพี่
สันธนะ : ก็จอดที่ท่าเรือ เรือสปีดโบ๊ตมาจอดที่ท่าเรือโรงแรมเป็นเรื่องปกติ แล้วการขึ้นไปก็ไม่ได้ขึ้นไปทั้งลำนะ การขึ้นไปต้องมีสุภาพสตรีขึ้นไปด้วยถ้าเป็นในกรณีอื่นแล้วกัน
รณณรงค์ : แล้วพวกอย่างนี้เขาจ่ายมัดจำกันยังไงพี่
สันธนะ : เรื่องนี้ไม่ต้องมัดจำ เขาจ่ายกันจบแล้ว
พี่เชื่อว่าหรือพี่มั่นใจว่าคุณแตงโมไม่เต็มใจ?
สันธนะ : ไม่เต็มใจแน่นอนครับ ผมก็ตรวจสอบจากแน่นอน 3 คนผู้ชาย ว่าการใช้ชีวิตเขา หรืออุปนิสัย ใจคอเขาเป็นคนนิสัยยังไง ซึ่งมันทำให้เกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นนี้ได้มั้ย เพื่อนเขาในกลุ่มก็บอกได้ เพราะเขาก็เคยมีลักษณะความรุนแรงแบบนี้มาก่อน
พี่มีข้อมูลที่สามารถยืนยันหรือเป็นหลักฐานได้มั้ยครับ?
สันธนะ : คำว่าหลักฐานวันนี้อย่าเพิ่งพูด ผมมีข้อมูลที่ยืนยันได้ เพียงแต่เราไม่สามารถจะนำเข้าไปในสำนวน ขณะนี้การสอบสวนก็ยังไม่เสร็จสิ้น ถ้าพนักงานสอบสวนเขามีความเห็นแล้วว่าคดีนี้เป็นเรื่องของอุบัติเหตุหรือกระทำโดยประมาท ให้เขาสรุปอย่างนี้ก่อน ข้อมูลที่อยากทราบก็ค่อยขยายกันต่อหลังจากนี้แล้วกัน
เห็นบอกว่าคนที่นั่งรอที่โรงแรม ในมุมของพี่เป็นคนมีสีด้วย?
สันธนะ : ก็เขาเป็นผู้ใหญ่พอสมควร เขาก็อยู่ในห้องเปิดห้องไว้แล้ว เขาคงไม่ได้มานั่งล็อบบี้ให้ใครเห็น ในเรื่องอื่นเคสปกติมันเป็นเรื่องของความพึงพอใจนะ แต่นี้ไม่ใช่ไง
รณณรงค์ : แล้วเขาจ่ายเงินยังไงครับพี่ เงินน่าจะต้องเยอะมากเลยนะ
สันธนะ : แน่นอน เพราะว่าการตกลงเขาต้องตกลงแล้วว่าใคร ไม่ใช่ใครก็ได้นะ ถ้าใครก็ได้ไม่ต้องมาส่งทางเรือก็ได้ เรียกรถมาส่งข้างหน้าก็ได้แล้วค่อยขึ้นไป
ซึ่งพี่คิดว่าคุณกระติกรู้เรื่องนี้มั้ย?
สันธนะ : เขาใกล้ชิดกันขนาดนี้ไปด้วยกันมาด้วยกัน แล้วก็ทิ้งกันแบบนี้ก็เห็นได้
ในความคิดพี่พี่คิดว่าเกิดเหตุทะเลาะกันทำให้ดีลนี้ไม่สำเร็จจนกระทั่งเกิดเหตุนี้ แบบที่ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ?
สันธนะ : ผมเชื่อว่าไม่ใช่นะจากการที่พูดคุย แล้วเรือลำเท่านั้นมันจะตกน้ำตกได้ทันที แล้วมันไม่ใช่อุบัติเหตุด้วย มันไม่ง่ายนะที่จะตกน้ำจากเรือสปีดโบ๊ตโดยอุบัติเหตุ ลองไปคิดดูสถานการณ์ เพราะฉะนั้นการอยู่บนเรือเนี่ยใครอยู่บนเรือบ่อยจะเข้าใจ แต่ถ้าให้ตกน้ำโดยเจตนานะ ได้เลยทันที
ถามทั้งสองท่านเลยนะว่า ถ้าดีลนี้หากแม้มันมีอยู่จริง แล้วการที่ทำให้ตกน้ำไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนามันทำให้เรื่องนี้มันดีขึ้นยังไง?
สันธนะ : เราเชื่อว่ามันไม่มีเหตุใช่มั้ยพูดแบบนี้แต่ผมเชื่อว่ามันมีเหตุ พอมันมีการพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วเป็นเรื่องที่เขาไม่ทราบมาก่อน
รณณรงค์ : ผมอยากรู้ว่าเที่ยวก่อนๆ หน้านี้มีไปส่งที่โรงแรมไหนหรือเปล่า ถ้ามี GPS อยู่กับตำรวจแล้วนี่
สันธนะ : อ๋อ ไม่ใช่หมายถึงพูดถึงพฤติกรรมของคนกลุ่มหนึ่ง แต่วันนั้นจะแวะที่ไหนจอดที่ไหนผมว่ายังไม่จอดหรอก คงจะลอยลำ เพราะมันเป็นเรื่องที่ยังตกลงกันไม่ได้
การที่คุณแตงโมไปฉี่ท้ายเรือซึ่งหลายๆ คนบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตรงนี้มันมีผลทางกฎหมายในมุมมองของทนายอู๋อย่างไรบ้างครับ?
บัญชา : ถ้าในแง่ของการทำงานทนายเนี่ย เรื่องนี้ผมมองว่าเหมือนมีการวางรูปคดีเอาไว้ตั้งแต่แรกก่อนพบศพ
แปลว่าน่าจะมีการหารือกันแล้ว?
บัญชา : หารือครับ ว่าการตกเรือครั้งนี้คุณแตงโมนั่งฉี่ท้ายเรือมันชี้ถึงหลายพฤติการณ์ 1. มีการดื่มแอลกอฮอร์มึนเมาหรือไม่ 2. คุณแตงโมนำตนเข้าเสี่ยงภัยนะ เพราะในเรือมีห้องน้ำคุณจะบอกว่ามีสัมภาระสุดแท้แต่ แต่ว่ามันอยู่ในวิสัยที่จะเอาออกได้ 3. คุณแตงโมไม่ได้คำนึงถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นผมมองว่ามีการพยายามที่จะมัดรูปคดีว่าคุณแตงโมเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายประมาท ทานโทษนะครับเหมือนที่ผมใช้คำว่ามุกโยนขี้ให้ผี คือมักรวบคดีไปเลยครับว่าทั้งหมดทั้งมวลคือเกิดจากการประมาทของตัวผู้ตายเอง
ซึ่งถ้ามันไปทางนี้จะทำให้คนบนเรือลดความเสี่ยงหรือลดโทษลงได้ยังไงบ้าง?
บัญชา : แน่นอนครับเท่ากับว่าผู้ตายนำตนเองเข้าเสี่ยงภัย มีส่วนร่วมส่วนก่อในการกระทำความผิดถูกมั้ยครับ แม้ว่ากฎหมายจะบอกว่าการที่เรือขับไปการควบคุมยานพาหนะโดยคนขับต้องรับผิดชอบเว้นแต่ว่าผู้เสียหายจะกระทำความผิดก็เท่ากับว่าหลุดพ้น
ซึ่งตอนนี้ผมว่ามันเป็นเรื่องมันเป็นเรื่องที่ยากมากกับการพิสูจน์ว่าคุณแตงโมไปฉี่จริงหรือไม่จริง มันเถียงกันไม่จบ?
บัญชา : เรื่องนี้เถียงไม่จบแต่มันพอจะมีแสงสว่างอยู่นิดหน่อย 1. อย่างน้อยที่สุดเรื่องนี้ผมว่าเราควรที่จะไปสืบจากศพ เพราะว่าตัวของผู้ตายเองเนี่ยไปตรวจสอบตรงเล็บหน่อยมั้ยว่ามีการไปทะเลาะวิวาท การข่วน การอะไรกันหรือเปล่า มี DNA ของเพื่อนทั้ง 5 อยู่ในซอกเล็บคุณแตงโมหรือไม่ 2. คุณแตงโมอาจไม่ได้พลัดตกที่ท้ายเรือ ไปดูหน่อยว่าบาดแผลเนี่ยเป็นบาดแผลที่ท้ายเรือหรือเปล่า และคราบปัสสาวะที่ท้ายเรือมีหรือไม่ ต้องเข้าใจนะครับว่าพอทุกอย่างมันขัดมันแย้งเนี่ย เมื่อศพคุณแตงโมขึ้นมาก็พบว่าบอดี้สูทยังใส่อย่างที่เราเห็นกัน ผมถึงบอกว่าประเด็นนี้ยังเป็นประเด็นสำคัญอยู่ ดังนั้นเวลาพิสูจน์ท่านั่งอะไรออกมา อย่างที่ผมบอกแหละครับมันดูพิลึกกึกกือ แล้วคนอย่างคุณแตงโมเป็นดาราหวงภาพลักษณ์ความสวยความงามจะไปฉี่ที่ท้ายเรือถลกก่อนลงแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างนั้นผมคิดว่าเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งครับ
ในมุมของทนายอู๋พยายามให้เราคิดว่าทั้งหมดเป็นการจัดฉาก?
บัญชา : มีโอกาสเป็นไปได้สูง คำว่าจัดฉากหรือไม่เนี่ยผมอาจพูดในมุมมองของทนายความ ผมกำลังจะบอกว่าในแง่ของการวางรูปคดี สันนิษฐานว่าอาจมีการวางรูปคดีแบบนี้ แล้วสิ่งที่ผมอยากจะชวนคิดกันไม่ต่อว่าท้ายที่สุดถ้าเรื่องนี้มีคนออกมารับสารภาพผมอยากจะชวนถอดสมการว่า ถ้าสมการมีแค่ x กับ y 2 ตัว ถ้าสมการ x เนี่ยคุณคิดว่าคุณแตงโมยังนั่งฉี่ที่ท้ายเรือเท่ากับว่าตัวคุณแตงโมเองก็มีความประมาท เพราฉะนั้นสมการ y คุณจะแก้อย่างไรแก้ไปเลยครับแต่ถ้ายังยืนยันว่าคุณแตงโมยังไปนั่งฉี่ที่ท้ายเรือคือคุณแตงโมประมาทในทางกฎหมายก็หมายความว่าต่างฝ่ายต่างประมาท
เขาบอกว่าจริงๆ แล้วคุณแม่กับคุณแตงโมจริงๆ แล้วไม่มีการเกี่ยวพันอะไรกันเลย คุณแตงโมเกือบจะไม่เคยพูดถึงเลย เพิ่งกลับเข้ามาเกี่ยวในชีวิตของคุณแตงโมเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ทนายรณณรงค์มองว่ายังไงครับ?
รณณรงค์ : คืออย่างแรกเลยนะครับ แม่ก็คือแม่ไม่ว่าจะเลี้ยงมาเยอะหรือน้อยยังไงก็คือแม่ สังคมไทยต้องเคารพบุพการีอยู่แล้ว แต่ในส่วนของการจัดการมรดกอันนี้ผมก็อึ้งเหมือนกัน สำหรับเคสของคุณแตงโมเป็นเคสแรกที่แม่ไปจัดการเรื่องของมรดกไวที่สุด คือเคสอื่นไม่ได้ไวขนาดนี้ ยังร้องไห้ยังเสียใจอยู่เลยเพราะศพลูกยังไม่ได้ฝังเลย
เพราะฉะนั้นโดยส่วนตัวก็คิดว่ามันก็แปลกๆเหมือนกัน?
รณณรงค์ : ใช้คำว่าไวดีกว่า
คุณสันธนะมั่นใจว่าหลักฐานเราเข้มแข็งพอที่เราจะไม่โดนฟ้องกลับ?
สันธนะ : คำสัมภาษณ์ของคุณแม่คุณแตงโมที่ว่าไม่ติดใจและไม่เอาความกับสองนักธุรกิจเป็นสัญญาณที่ไม่ดีในคดีแล้ววันนี้มันก็เกิดขึ้นจริง คือเปิดทางเพื่อที่สังคมจะได้เห็นแล้วว่าเขาพร้อมที่จะยอมรับการชดเชยเยียวยาก็เลยมีตัวเลขออกมาเท่ากับว่าทุกอย่างสมบูรณ์ คดีนี้ต่อไปก็คงเป็นไปตามที่พนักงานสอบสวนเขาตั้งประเด็นไว้