ชุดกรมการปกครองเปิดนาทีระทึก ล่อซื้อ “ดาบตำรวจท่องเที่ยว” เก็บส่วยสถานบันเทิง ยัน! ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นตร.จริง โต้ข่าวลือขัดผลประโยชน์
จากกรณีข่าวสะเทือน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำกำลังเข้าจับกุมตัวดาบตำรวจท่องเที่ยวนายหนึ่งและพวกอีก 1 คน บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หมู่ 6 ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่จังหวัดนนทบุรี ขณะแอบอ้างเป็นชุดกรมการปกครอง ขับรถมาตระเวนเก็บส่วยสถานบันเทิงในจังหวัดนนทบุรี โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดเงินสดของกลาง 100,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เก็บเงินมาจากสถานบันเทิงก่อนหน้านี้ และถูกซ้อนแผนจับกุมตัวไว้ได้
รายการโหนกระแสวันที่ 12 ก.ค. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ สิรภพ นิยมเดช หัวหน้ากลุ่มบูรณาการภารกิจพิเศษ, เจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล หัวหน้ากลุ่มงานปฏิบัติการพิเศษสืบสวน, ฟ้าฤดี ทรงลักษณ์ นิติกรชำนาญการ
ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเป็นตร.หรือเปล่า?
สิรภพ : ไม่ใช่ครับ เป็นฝ่ายปกครองครับ จริงๆ แล้วเรามีอำนาจตามป.วิอาญาในการจับกุมปราบปรามเหมือนตร. จับได้หมดทุกคดีที่เป็นความผิดทางอาญา แต่ฝ่ายปกครองเราลักษณะการทำงาน เราดำเนินตามเรื่องร้องเรียนของประชาชนเป็นหลัก หรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก ไม่ใช่หน่วยงานที่ไปทำตามหน้างาน ที่ใครแจ้งแล้วลงไปจับกุมได้เลย เราทำตามเรื่องร้องเรียนเป็นหลัก เรื่องนี้ก็เช่นกัน มีการร้องเรียนเข้ามาเราถึงไปดำเนินการ
ขึ้นตรงกับใคร?
เจตน์พงศ์ : อธิบดีกรมการปกครองครับ
เคยมีไปจับพร้อมๆ กับตร.มั้ย?
สิรภพ : มีครับ
: เคสนี้ก็จับพร้อมกัน ร่วมกันเลยครับ
กรมการปกครองต้องไปแจ้งตร.ก่อนมั้ย?
สิรภพ : ต้องไปประสานครับ จริงๆ แล้วลักษณะการทำงานเป็นเชิงบูรณาการ เราต้องทำงานด้วยกัน ไปด้วยกัน
ล่าสุดเหตุที่เกิดขึ้น แล้วทำให้เรื่องดังขึ้นมา ทีมงานปกครองชุดนี้เป็นที่รู้จักขึ้นมา คือการไปจับดาบตร.นายนึง เหตุการณ์คืออะไร?
สิรภพ : จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย เนื่องจากว่าชุดของเรามีการดำเนินงานตามคำร้องเรียนอย่างจริงจัง มีชื่อเสียงในเรื่องการจับกุมสถานบริการที่ผิดกฎหมาย คือเปิดเกินเวลา หรือปล่อยให้เด็กเข้าไปใช้บริการ มียาเสพติดในร้าน เราทำอย่างนี้มาต่อเนื่อง ประมาณ 4-6 ปี ค่อนข้างมีชื่อเสียงในผู้ที่รู้จักว่าทำงานอย่างจริงจัง ทีนี้ปรากฏว่าระยะที่ผ่านมา มีบุคคลที่เข้ามาแอบอ้างว่าจะรับหน้าเคลียร์กับทีมกรมการปกครอง
สมมติไปเที่ยวผับแล้วเปิดเกินเวลา ผมมาแจ้งกรมการปกครองได้?
สิรภพ : ก็ต้องร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมมา ทางกรมปกครองจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบ คนแอบอ้างเป็นบุคคลทั่วไปนี่แหละที่แอบอ้างว่าเคลียร์กับกรมการปกครองได้ รับเงินมาเคลียร์ บางทีอ้างว่าเป็นคนในชุดเลย แล้วเคสนี้ปรากฏว่าเดือนที่ผ่านมา มีหลายคนติดต่อมาที่ชุดของเรา ถามว่ามีคนชื่อแป๊ะอยู่ในชุดมั้ย ปรากฏว่าคนชื่อแป๊ะเขาอ้างว่าเขาเป็นคนที่อยู่ในชุดรับเปิดตั๋ว คือต้องจ่ายค่าตั๋วเป็นลักษณะให้รู้จักกันว่าจะไม่เข้าไปจับกุม
เหมือนขึ้นครูครั้งแรก?
สิรภพ : ใช่ครับ หลังจากนั้นก็จะเป็นรายเดือน
เปิดตั๋วเท่าไหร่?
สิรภพ : ตามร้องเรียน 5 พันบาท ส่วนรายเดือนก็แล้วแต่ 3,000-5,000 บาท ซึ่งมีคนสอบถามมาที่ชุดเยอะแยะเลยว่าคนนี้อยู่ในชุดมั้ย มาหลายทางเลย มาทั้งเพื่อนฝูง ผู้บังคับบัญชาก็มีถามมา ปรากฏว่าเริ่มมาเรื่อยๆ จนสักระยะนึงหนังสือร้องเรียนเข้ามาชัดเลยว่ามีบุคคลอ้างตัวว่าชื่อแป๊ะ อยู่ในชุดกรมการปกครองชุดนี้ ใช้เบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้โทรมาแล้วให้โอนเงินเลขบัญชีนี้ ก่อความรำคาญแก่ผู้ประกอบการ เราเห็นแล้วก็แสดงว่าเรื่องน่าจะลงหลายที่แล้ว ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าแป๊ะเป็นใคร ทุกครั้งที่ผู้ประกอบการถามว่ารู้จักคนชื่อแป๊ะมั้ย ทีมงานก็จะถามว่าคนชื่อแป๊ะมาเยอะนะ ให้ความร่วมมือในการดำเนินการกับเขาได้มั้ย เช่นอาจดำเนินการล่อซื้อพูดง่ายๆ เพราะทำให้กรมเสียชื่อเสียง ปรากฏว่าในวันรับเรื่องร้องเรียน ระยะนึงจะมีสถานบริการแห่งหนึ่งตามข่าว เขาก็ประสานเข้าสอบถามเจ้าหน้าที่เหมือนกัน ว่าในชุดมีคนชื่อแป๊ะมั้ย เราบอกว่าไม่มี เขาบอกว่าโทรเข้ามาข่มขู่จะปิดร้าน ปรากฏว่าโชคดีที่ผู้ประกอบการท่านนี้ยินดีให้ความร่วมมือกับกรมการปกครอง ดำเนินการล่อซื้อให้ เพราะหลายๆ คนไม่ค่อยกล้าให้ความร่วมมือกับเรา ทีนี้ต้องเรียนตรงๆ ว่าหลังเขาพูดมาแบบนี้ เขาก็หายไประยะนึงประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วเขาโทรมาอีกครั้งว่าเขาไม่ไหวแล้ว โดนข่มขู่ตลอดเวลา
ข่มขู่ว่าอะไร?
สิรภพ : ถ้าไม่จ่ายโดนปิดแน่ โดยชุดกรมการปกครองนี่แหละ โทรมาบ่อย จนเขาไม่ไหวแล้ว เราไปแจ้งความที่สน.บางใหญ่ สน.ก็ดำเนินการให้ พอเราทราบเรื่องเราก็ประสานกับบางใหญ่เลย
มีคลิปนึงที่ยืนยันว่าแป๊ะโทรไปข่มขู่จริง?
สิรภพ : ระหว่างสน.บางใหญ่วางแผนร่วมกับกรมการปกครอง เขาโทรมาพอดี เราได้เสียงไว้ด้วย
เปิดคลิปเสียงแป๊ะโทรข่มขู่?
สิรภพ : ตอนนั้นแป๊ะบอกว่าจะมีอีกคนมารับเงิน สายที่พูดไม่รู้ว่าเป็นใคร ตอนหลังเป็นตามข่าวเลย มาเจอที่หน้างานเลย
เจตน์พงศ์ : เขาเป็นคนมารับเงิน
วางแผนกันยังไงวันนั้น?
สิรภพ : ตอนแรกเราคิดว่าเป็นพลเรือนธรรมดาที่มาแอบอ้าง แต่หลังวางแผนกระจายกันทำงานตามจุดต่างๆ มีชุดนึงกระจายอยู่หน้าร้านเพื่อคอยดูว่าใครมายังไง เอาจริงๆ หลังจากแป๊ะโทรมาที่เจ้าของร้าน เขาก็แจ้งว่าเขาคงไม่ได้มานะ จะให้อีกท่านนึงมา มีการส่งเรื่องราวกัน และไปอยู่หน้าร้านคอยดู ปรากฏว่าก็ตกใจอยู่ มีรถตร.ท่องเที่ยวตามในข่าวเลย มีภาพที่เขาลงมาจอดหน้าร้าน เขาอ้างว่าชื่อผู้กองโจ้ มากับอีกคนอ้างเป็นผู้หมวด
เจตน์พงศ์ : ตอนนี้เขาออกมาอยู่หน้าร้าน ตอนแรกเขาไม่รับ บอกให้หลบๆ หน่อยไปจ่ายที่รถ แล้วเขาก็เดินไปที่รถ
สิรภพ : หลังจากนั้นเขาก็รับเลย ถ้าดูคลิปต่อเนื่องเขาไม่กล้ารับหน้าร้านเพราะคนเยอะ แต่ทางผู้กองโจ้ เขาบอกว่าให้ไปที่รถของอีกคันนึงเลย เจ้าของร้านก็เดินตามไปส่งตรงนั้น
ตอนนั้นเงินเท่าไหร่?
เจตน์พงศ์ : 1 แสนบาทครับ
คุณฟ้าจะพูดอะไร?
ฟ้าฤดี : แค่จะชี้แจงเฉยๆ ว่าผู้กองโจ้เป็นคนที่แป๊ะพูดถึงในนามผู้กองโจ้ ซึ่งจริงๆ เป็นดาบตำรวจ
เจตน์พงศ์ : เขาสวมบทบาทมาหลอกว่าเป็นผู้กองโจ้ ตอนแรกเราก็เข้าใจว่าทุกคนสวมบทบาทหมด แป๊ะก็อ้างตัวเป็นชุดสอบสวนพิเศษ ผู้กองโจ้ก็เข้าใจว่าเขาสวมบทบาทเป็นตร.ท่องเที่ยว นายมานัสอ้างว่าเป็นทีมงาน
สุดท้ายแล้วพอเอาเงินไปปุ๊บก็เป็นภาคปฏิบัติการ ฟ้าอยู่ด้วยมั้ย?
ฟ้าฤดี : ตอนปฏิบัติการไม่ได้อยู่ค่ะ แต่ในร้านพูดคุยอยู่ ตอนจับอยู่ค่ะ
พอเขาลงมาเหมือนเขาไม่ยอม?
สิรภพ : จริงๆ แล้วหลังจากมีการจ่ายเงิน องค์ความผิดครบถ้วนแล้ว ก็ดำเนินการเข้าจับกุม รอบแรกเขาพยายามขับรถฝ่าออกมาด้านหน้า แต่ออกไม่ได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่ขวางทางไว้ เขาก็มีการวนในที่จอดรถอีกรอบ
เจตน์พงศ์ : ภาพที่เห็นชุลมุนในลานจอดรถ จริงๆ ไม่ได้มีการเตรียมกันว่าจะจับกุมตรงนี้ ไม่ได้เตี๊ยมว่าต้องมีการถ่ายภาพบันทึกตรงนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีตร.มาร่วมด้วยตั้งแต่แรก เราคิดว่ามีนายแป๊ะที่มาสวมรอยอ้างว่าเป็นฝ่ายปกครองเท่านั้น อยู่ดีๆ ตร.โผล่เข้ามา
แต่รถก็คงไม่ใช่?
สิรภพ : พอเห็นก็คิดว่าคงไม่ใช่แล้ว
เจตน์พงศ์ : มารู้ว่ามีตร.จริงมาร่วมด้วย ตอนเข้ามาถึงร้าน จริงๆ เรากับทางตร.บางใหญ่ วางแผนจับกุมในร้าน ไม่ใช่ที่ลานจอดรถ เพียงแต่เขาเห็นว่ามีกล้องวงจรปิด พอออกมาหน้าร้านเขาก็ให้หลบๆ หน่อย ก็เลยต้องเดินมาที่รถ เขาตั้งใจหลบคนมารับที่รถ พอรับไปแล้วขึ้นรถได้ก็เตรียมออกจากลานจอดรถ เราเลยต้องหยุดเขาไว้ ส่วนภาพที่เห็นเขาวนมารอบสองแล้ว รอบแรกเขาชนรถลูกค้าไปรอบนึงแล้วเพื่อจะหนี เป็นเหตุการณ์ชุลมุนกว่านี้
เห็นว่าตอนล็อกตัวลงมา เขาพูดอะไรสักอย่าง ขอพูดกับนายหรือทนาย?
สิรภพ : เราไม่แน่ใจตรงนั้น เพราะคนล็อกเขาไม่ใช่คนของปกครอง แต่เป็นคนของเจ้าหน้าที่ตร.บางใหญ่
ตัวตร.เองที่บางใหญ่ เขาก็ไม่รู้ว่าคนนี้เป็นตร.จริง เพิ่งรู้พร้อมๆ กัน?
เจตน์พงศ์ : ใช่ครับ
พูดคุยกับ “รณรงค์ ทิพย์ศิริ” ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง เห็นว่าตอนแรกไม่รู้มาก่อนด้วยว่ามีตร.ไปร่วมขบวนการด้วย?
รณรงค์ : ใช่ครับ เนื่องจากเราสืบทราบมาระยะนึงว่าเป็นนายแป๊ะ แต่วันเกิดเหตุ เราก็ไม่ทราบว่านายแป๊ะจะมาหรือไม่ ปรากฏว่านายแป๊ะให้คนมารับแทน เราเพิ่งทราบหน้างานว่าเอารถราชการมา และเป็นตร.คนนึง
ณ ตอนนี้มีข่าวลือว่าฝ่ายปกครองกับตร.ขัดผลประโยชน์กันเอง เลยเหมือนไปจับเขา?
รณรงค์ : (หัวเราะ) ข่าวลือพูดออกไปกันเยอะ อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมามีการจับฝ่ายปกครอง แต่คงต้องเรียนว่ามันไม่ใช่เลย เราได้รับการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทยมาระยะนึง สัก 2-3 อาทิตย์ได้ ก่อนหน้านี้ช่วงก่อนโควิด เราก็เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาแล้ว แต่หาผู้ประกอบการที่เขาจะกล้าออกมายากมากเลย ถ้าเราไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเราจะไปต่อไม่ได้เลย จนช่วงโควิดทำให้ขบวนการนี้หยุดไปพักนึงเนื่องจากว่าร้านก็คงไม่ได้เปิดกัน สองสามปีที่ผ่านมา พอรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายเปิดสถานบริการ ปรากฏว่าก็กลับมาอีกรอบนึง เจ้าตัวเขาก็มาร้องศูนย์ดำรงธรรม เนื้อหาที่ร้องเขาก็บอกว่าเพิ่งได้รับผลกระทบช่วงโควิด ร้านเพิ่งเปิด แล้วมีเหตุการณ์แบบนี้ เขาก็เลยขอให้เราตรวจสอบ ทางเราก็เลยสอบถามกลับไปยังผู้ร้อง ปรากฏว่าผู้ร้องไปแจ้งความที่สภ.บางใหญ่ไว้แล้ว ทางทีมงานก็เลยได้ประสานงานกับสภ.บางใหญ่ เพื่อที่จะร่วมกันตรวจสอบดำเนินการ ตอนนั้นจากการตรวจสอบรู้แค่ว่าเขาชื่อนายแป๊ะ เราก็ยังไม่ทราบเลยว่าผู้ที่มาจะเป็นเจ้าหน้าที่ตร.ด้วยหนึ่งคน จริงๆ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับองค์กรเลย เป็นเรื่องมิจฉาชีพ ผู้กระทำผิด ของตร.คนนี้เอง ไม่เกี่ยวกับองค์กรเลย อย่าไปโยง
ที่เขาบอกว่ามีนายสั่ง?
รณรงค์ : (หัวเราะ) ไม่มีหรอกครับ นายที่ไหนจะมาสั่งเรื่องแบบนี้ ยืนยันว่าไม่มี ไม่เกี่ยวเลย
ตอนนี้ดาบตร.นายนี้เขาฟ้องกลับฝ่ายปกครอง ฟ้องท่านด้วย ฟ้องสามคนบนโต๊ะด้วย เอาไงต่อไป?
รณรงค์ : เป็นเรื่องปกติครับ ต้องเรียนคุณหนุ่มว่าในเรื่องเทคนิคข้อกฎหมายในการที่ผู้ต้องหาจะบอกว่าตัวเขาบริสุทธิ์ ก็ต้องไปฟ้องแก้เกี้ยว เพื่อเอาตรงนี้ไปปฏิเสธว่าเห็นมั้ยเขาไม่ได้ทำผิดนะ เขาฟ้องชุดจับกุม ก็เป็นเรื่องปกติ ทางทีมผมเจอเรื่องแบบนี้บ่อย ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย ไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไรเลย เราทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง เราให้ทางตร.บางใหญ่เป็นทีมในการวางแผน เราเข้าไปร่วม เพราะเขาแจ้งความเป็นระบบแล้ว ชุดเราในฐานะที่ถูกอ้างชื่อก็ไปร่วมกับทางทีมบางใหญ่ แค่นั้นเองครับ
สุดท้ายมีตร.ร่วมด้วย?
รณรงค์ : ใช่ครับ เวลาเกิดเหตุเขาไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร สองพฤติการณ์ผู้กระทำผิดเขาหลบหนี วิ่งวนอยู่ในลานจอดรถ แล้วไปชนรถชาวบ้านด้วย เราเห็นแล้วเขาไม่หยุดแน่ เพราะเจ้าหน้าที่แสดงตัวสองรอบแล้ว เขาพุ่งมาขนาดนั้น เจ้าหน้าที่ต้องขัดขวางเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียในทรัพย์สินกับชีวิตประชาชนทั่วไป
จับได้หมดหรือยัง?
รณรงค์ : เราจับหน้างานได้ 2 คนแล้ว หลังจากนั้นเป็นเรื่องการขยายผลของพนักงานสอบสวนสภ.บางใหญ่ .ซึ่งเราก็ได้รับทราบจากสื่อว่านายแป๊ะ เราสอบปากคำร่วมกันกับท่านผู้การนนท์ ก็ได้ทราบข้อมูลหลายๆ อย่าง ดาบตร.ก็ยืนยันว่าเขามารับเงินแทนนายแป๊ะ ผมก็นำเรียนท่านผู้การไปแล้วว่านายแป๊ะมีชื่อจริง นามสกุลจริง ระบุที่อยู่ได้หมดเลย ท่านผู้การเลยสั่งการไปสภ.บางใหญ่ออกหมายจับ ก็ได้ทราบว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาออกหมายจับนายแป๊ะไปแล้ว ไม่รู้ตร.ไปรวบตัวเขาหรือยัง แต่การสืบสวนทางลับของพวกผม วันจับนายแป๊ะยังอยู่ในบ้านเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุเท่าไหร่
ระบบเก็บส่วยยังมีอยู่ ยังจับกันอีกต่อไป?
รณรงค์ : ต้องเรียนว่าคนทั่วไปยังเข้าใจว่าทีมผมปฏิบัติงานอิสระ อยากจับที่ไหนก็ไป ไม่ใช่เลย แม้จะมีอำนาจจับ แต่กรอบในการปฏิบัติงานอย่างนึง ที่ไม่สามารถตอบสนองต่อทุกท่านได้ก็คือว่าเวลาท่านร้องมายังผมโดยตรง หรือผมได้ข่าวมาโดยตรง ผมก็ยังไม่สามารถออกไปดำเนินการได้ เพราะทีมผมมีข้อจำกัดในเรื่องต้องปฏิบัติงานภายใต้ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย นั่นหมายความว่าทุกท่านต้องร้องเรียนผ่านระบบราชการ ถ้าไม่ใช่ศูนย์ดำรงธรรม มหาดไทย ต้องร้องเรียนตู้ปณ. 1111 ของท่านนายกฯ แล้วจะมีการกลั่นกรองมาตามลำดับของราชการ สุดท้ายปลายทางถึงบมาที่ผมออกปฏิบัติการสืบสวนได้ ไม่ใช่ออกได้อิสระเลยครับ
สุดท้ายผู้ประกอบการมีร้องอะไรอีกมั้ย?
รณรงค์ : ตั้งแต่ข่าวออกไป โทรศัพท์ผมแทบไม่ว่างเลย โทรเข้ามามีผู้ร้องเหมือนกัน และที่ร้องสื่อมวลชนได้ให้ข้อมูลว่านายแป๊ะใช้โทรศัพท์เดียวกันไปเรียกเก็บแถวเลียบด่วนรามอินทราที่มีสถานบริการหลายร้านเลย และล่าสุดรัชดาภิเษกก็มีการให้ข้อมูลอีกว่ามีการเรียกเก็บ
อยากฝากอะไรถึงผู้ประกอบการ ถ้ามีคนไปอ้างอีกจะทำยังไง?
รณรงค์ : ต้องเรียนไปทางผู้ประกอบการทุกท่าน ถ้าท่านมั่นใจว่าร้านท่านไม่ได้มีผิดกฎหมายอะไร อยากให้ท่านได้ไปร้อง ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สน.พื้นที่ หรือสภ.พื้นที่ของท่านก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าหากอยากให้ชุดผมดำเนินการ รบกวนท่านประสานมาที่เบอร์ฮอตไลน์ 1567 ซึ่งเป็นเบอร์ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ขอให้ท่านร้องเข้าศูนย์ดำรงธรรมก่อนถึงจะออกปฏิบัติงานสืบสวนได้
ถ้าต่อไปมีโทรศัพท์ออกไประบุว่ามาจากกรมปกครอง ให้จ่ายเงิน ก็อย่าไปเชื่อ?
รณรงค์ : ไม่มีเด็ดขาดครับ จะเห็นว่าทีมผมออกจับสถานบริการอยู่เรื่อยๆ ถ้าเรียกรับเงินเขามันก็คงไม่มีหรอกที่จะไปจับเขาได้ แล้วทุกวันนี้ถ้าปรากฏว่ามีการเรียกเก็บเงินจริงๆ ท่านต้องออกมาร้องแล้วแล้วผมจะไปมีหน้าไปจับเขาได้ยังไง
คุณฟ้าเป็นผู้หญิงมาทำงานแบบนี้ไม่กลัวเหรอ?
ฟ้าฤดี : กลัวอะไรคะ (หัวเราะ)
เจตน์พงศ์ : เขาเป็นสายลับด้วยครับ
วันนั้นอย่าบอกว่าแต่งชุดไปเชียร์เบียร์?
ฟ้าฤดี : ถ้าเป็นเคสนี้ใช่ค่ะ (หัวเราะ) แต่หลังออกรายการนี้อาจเป็นสายลับไม่ได้แล้วค่ะ (หัวเราะ)
กังวลใจมั้ย ดาบคนนั้นจะมาฟ้อง?
สิรภพ : ไม่เลยครับ เพราะปฏิบัติตามขั้นตอนทุกอย่าง แล้วตามสื่อที่ออกไป เป็นเรื่องที่ประชาชนเข้าใจไม่ตรงกัน เราไม่มีความกลัวตรงนี้เลย
เจตน์พงศ์ : เรามีจุดมุ่งหมายจับคนร้ายและรักษาความสงบเรียบร้อยให้สังคม ช่วยเหลือประชาชน การทำงานครั้งนี้ก็เป็นการทำงานร่วมกัน ซึ่งก็ดำเนินการวางแผนตั้งแต่ต้น โดยไม่ทราบว่าคนร้ายจะมีเจ้าหน้าที่ตร.มาเกี่ยวข้อง เรื่องเหตุชุลมุนเราไม่ได้คาดหมายตั้งแต่แรกจนนำไปสู่ข่าวที่เป็นประเด็นขึ้นมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องตร.นายนั้นไม่เกี่ยวกับองค์กร เขาไปสมอ้างเอง?
เจตน์พงศ์ : ยืนยันว่าตร.กับกรมปกครองทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีครับ
ไม่ได้มีข่าวหมางใจกัน เอาคืนกัน?
เจตน์พงศ์ : ไม่มีเลยครับ
ฟ้าฤดี : โดยส่วนตัวรู้จักทั้งตร.ดีและไม่ดี เช่นเดียวกันกับฝ่ายปกครอง ก็มีทั้งดีและไม่ดี ต้องบอกว่าในทุกองค์กรมีทั้งดีและไม่ดี ถ้าเราทำงานตามหน้าที่ เรามีการใช้ข้อกฎหมายอย่างรัดกุม รวมถึงเราร่วมกับหน่วยงานด้วย อยากให้มองเป็นเรื่องที่สอดส่อง บังคับใช้กฎหมาย ให้สังคมเราอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัย ดีกว่ามานั่งมองหาว่าใครแกล้งใคร
หลังจบรายการจะลงพื้นที่ไปต่างจังหวัดด้วย?
เจตน์พงศ์ : ใช่ครับ
ทั้งสามท่านอยากฝากอะไร?
เจตน์พงศ์ : อยากฝากบอกผู้ประกอบการ ถ้าทำถูกต้องแล้วก็ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครไปเรียกผลประโยชน์จากท่านได้ แล้วถ้าหากมีใครทำแบบนี้ให้ร้องมาที่ศูนย์ดำรงชัยธรรมกระทรวงมหาดไทยได้เลย หรือไปแจ้งที่สน. ตร.ก็จะดำเนินการให้
สิรภพ : ทางผมทำงานตรงนี้มานานหลายปี ถ้ามีแบบนี้อีกขอให้ท่านแจ้งความ ร้องเรียน ซึ่งเราก็ดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป จะเป็นใครที่เดือดร้อนก็จัดการได้
ฟ้าฤดี : ฝากเสริมเรื่องการใช้คำพูดสร้างความเกลียดชังมากกว่า คือเรื่องนี้ข้อเท็จจริงไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย แต่เกิดจากข้อสงสัยที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้โลกโซเชียลแชร์ข้อมูลแสดงความคิดเห็นกันไป ก็อยากจะให้เราคำนึงให้มากขึ้น เพราะกระทบจิตใจทุกฝ่าย ไม่ว่าเขาจะอยู่องค์กรไหน เขาก็รักองค์กรตัวเองค่ะ
เจตน์พงศ์ : ทุกคนรักองค์กรตัวเอง