วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แฉกลางสภา เบื้องหลังเว็บ pulony.blogspot.com โจมตีประชาชน สร้างความแตกแยก สุมไฟใต้

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจ กล่าวหาทหารอยู่เบื้องหลังเว็บไซต์ เว็บ pulony.blogspot.com ที่ใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร IO โจมตีประชาชน สร้างความแตกแยกในสังคม – สุมไฟใต้ – สร้างความมั่นคงให้กับการสืบทอดอำนาจ

ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวหาคุกคามประชาชน ยุยงปลุกปั่น สร้างความแตกแยก ทำลายความรักและความสามัคคีของประชาชน โดยใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO (Information Operation) ใช้เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์อวตารปลอมคุกคามประชาชน นักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งคุกคามประชาชนหนักขึ้นเรื่อยๆ  และทำกันเป็นกิจลักษณะ มีรอบการทำงาน และมีเวลาในการทำงาน

วิโรจน์เปิดเผยว่า ตนได้ข้อมูลหลักฐานระหว่างเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 โดยพบเอกสารงบประมาณของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่ขึ้นตรงต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดทำเว็บไซต์ pulony.blogspot.com ที่มีเนื้อหาคอยโจมตี “ด้อยค่า” – “แพร่มลทิน” นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับประเด็นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังมีเพจเฟซบุ๊กเครือข่ายคอยแชร์เนื้อหา รวมทั้งพยายามโจมตีนักการเมืองในพื้นที่ ที่พยายามนำปัญหามาแก้ไขผ่านสภาผู้แทนราษฎร เติมเชื้อไฟแห่งความเกลียดชังและแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในหมู่ประชาชน ถือเป็นการบั่นทอนบรรยากาศการกระบวนการสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้

วิโรจน์ยังอภิปรายเปิดโปงปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร IO ที่คุกคามฝ่ายเห็นต่างทางการเมือง สร้างความแตกแยก ใส่ร้ายป้ายสีกันทางการเมือง คุกคามประชาชน โดยพบหลักฐานเอกสารเชื่อมโยงหน่วยงานรัฐ แม้ว่า ผบ.ทบ.จะเคยออกมาปฏิเสธว่าไม่มีปฏิบัติการดังกล่าวก็ตาม โดยวิโรจน์เปิดเผยเอกสารลับ 3 ฉบับ ลงวันที่ 25 เมษายน 2562 เกี่ยวกับการเข้าอบรมให้ความรู้เพิ่มเติมกับคณะทำงานปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร โดยมีเนื้อหาข้อ 1.1 เกี่ยวกับการซักซ้อมการปฏิบัติการข่าวสารที่หน่วยเหนือมอบให้ในแต่ละวัน มีการสอนการโพสต์ว่าไม่ต้องเรียงลำดับหัวข้อตามภารกิจที่มอบให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้ว่าเป็นเฟซบุ๊กอวตาร , หัวข้อที่ 1.3.2 แนะนำให้เจ้าหน้าที่ลงบัญชีเฟซบุ๊กอวตารหลายบัญชี เพื่อตอบโต้และ “พลีชีพ” ออนไลน์ , หัวข้อที่ 1.3.3 แนะนำให้เจ้าหน้าที่สร้างบัญชีอวตาร โดยไม่ให้เกี่ยวพันกับบัญชีของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้ , หัวข้อที่ 1.4.1 ให้เจ้าหน้าที่รับทราบและรายงานภารกิจทางกลุ่มไลน์ภายในเวลา 17.00 น. ของแต่ละวันตามแบบฟอร์มที่ส่งให้ และระบุในข้อ 2.2 ว่ามีการสนับสนุนค่าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเดือนละ 2,000 บาท

วิโรจน์เปิดเอกสารฉบับที่ 2 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เรื่องสรุปผลการประชุมคณะทำงานด้านปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร โดยอ้างอิงถึงการประชุมวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่ให้หน่วยระดับกองพลและระดับกรม ตรวจสอบยืนยันตัวผู้ปฏิบัติการข่าวสารที่ตั้งไว้หน่วยละ 5 นาย โดยให้ส่งข้อมูลยืนยันทุกวันที่ 5 ของเดือน

โดยการปฏิบัติการนี้จะประชุมผ่าน VTC หรือ Video Teleconference ทุกวันจันทร์-ศุกร์เวลา 10.00 น. และสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่จำเป็นหรือค่าโทรศัพท์ที่กองทัพบกจัดสรรให้ โดยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการข่าวสารหรือ IO จะได้เงินสนับสนุนค่าโทรศัพท์เดือนละ 300 บาท

วิโรจน์ เปิดเอกสารฉบับที่ 3 เนื้อหาตรงกันแต่คนละหน่วย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เช่นเดียวกัน โดยเป็นผลสรุปการประชุม มีเนื้อหาเหมือนหนังสือฉบับที่ 2 แต่สนับสนุนค่าโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการข่าวสารเพียงคนละ 100 บาท แตกต่างจากหน่วยที่กล่าวไปก่อนหน้านี้

วิโรจน์สรุปว่าข้อมูลหลักฐานทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นถึงการกระทำอย่างเป็นระบบ ซึ่งกองทัพคงไม่สามารถดำเนินการเองได้โดยพลการ ต้องมีคำสั่งมีการสนับสนุนภารกิจ มีการใช้งบประมาณ ซึ่งถือเป็นภารกิจคุกคามประชาชนผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าไปมีส่วนร่วมอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย

ต่อมา วิโรจน์เปิดเผยหลักฐานคลิปวีดีโอ โดยอ้างว่าสัมภาษณ์ทหารที่เคยเกี่ยวข้องกับ IO ของกองทัพ เปิดเผยถึงการทำงานกระบวนการ IO เพื่อโจมตีฝ่ายเห็นต่างกับรัฐบาล แจ้งรายงานบัญชีฝ่ายที่เห็นต่าง ซึ่งมีการประชุมแบ่งงานกันทุกวัน และมีการเปิดกลุ่มไลน์ เพื่อสื่อสารวางแผนกันระหว่างกระบวนการ IO ให้ทำภารกิจเรื่อยๆ วนทุกๆ ชั่วโมง กดไลก์ กดเลิฟโพสต์ที่สนับสนุน กดเศร้า กดโกรธฝ่ายที่เห็นต่าง โดยเปิดเผยว่ามีบุคลากรขบวนการ IO รวมแล้วมากกว่าพันคน ใช้งบประมาณของรัฐคุกคามฝ่ายเห็นต่าง

โดยไม้เด็ดของวิโรจน์ มีการเปิดคิวอาร์โค้ดบนหน้าจอ เพื่อให้ประชาชนสแกนเข้าไป แล้วพบว่าเป็นกลุ่มไลน์ส่งข่าวและรายงานภารกิจตามที่กล่าวไปข้างต้น มีการแบ่งเป็นข่าวสารที่เป็นบวกและเป็นลบต่อรัฐบาล มีการชี้เป้าให้โจมตีบุคคลธรรมดาและบัญชีโซเชียลมีเดียที่แสดงออกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล หรือแม้แต่ช่องสื่อออนไลน์ โดยวิโรจน์กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ IO ว่าจงวางเมาส์ วางคีย์บอร์ดได้แล้ว เพราะตอนนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนได้ล้อมท่านเอาไว้หมดแล้ว

ชมคลิปจากเฟสบุ๊คอนาคตใหม่

https://www.facebook.com/FWPthailand/videos/1110985705903504/