เตือนอย่าหักด่านประชาชน “ทิชา ณ นคร” แนะสว.อย่าอ้างจงรักภักดี แสดงอำนาจเหนือประชาชน หลังออกมาแสดงความคิดเห็นจะไม่โหวต “พิธา” นั่งนายกฯ เพราะแก้ 112
เมื่อใกล้วันโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค.66 นี้ หลายฝ่ายต่างออกมาแสดงความเห็นถึงตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรรคก้าวไกลอย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยเฉพาะสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีหลายคน ออกมาแสดงความเห็นที่จะไม่โหวตให้ แม้ว่าจะมีสว.กลุ่มหนึ่ง แสดงความเห็นในเชิงจะสนับสนุนและโหวตให้
ล่าสุด นางทิชา ณ นคร หรือ “ป้ามล” ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นในเฟสบุ๊กส่วนตัว กรณีที่ ส.ว.ยืนยันว่าจะไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เพราะไม่ยุตินโยบายการแก้ไขมาตรา 112 โดยระบุว่า “ส.ว.บางคนแสดงความจงรักภักดีอย่างมีอำนาจล้น อำนาจเกินประชาชน โดยการให้สัมภาษณ์ซ้ำๆ ว่าตราบใดที่พรรคก้าวไกลยังยืนยันแก้ไขมาตรา 112 ส.ว.กลุ่มนี้จะไม่โหวตรับรองพรรคก้าวไกลเพื่อให้หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน แม้พรรคก้าวไกลจะมาจากการเลือกตั้ง 14 ล้านเสียงหรือลำดับที่ 1 ตามหลักการประชาธิปไตย
ขอโทษ! โปรดนั่งลง อย่าวู่วาม อายุมากแล้ว ตำแหน่งก็สูง เงินเดือนก็เยอะ ประชาชนก็ไม่ได้เลือก ช่องทางที่เข้ามาก็ถูกออกแบบเฉพาะกิจ เพื่อให้มุดกันเข้ามา แทบจะหาความสง่างามไม่ได้เลย ดังนั้นก่อนจะกระโจนไปข้างหน้ากรุณาหยุดความอหังการ์ เหลียวไปดูข้างหลังก่อน ได้โปรด เริ่มตั้งแต่ที่เกิด ที่มาของ ส.ว.ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับประชาชน แต่ฉวยเอาความจงรักภักดีมาสวมใส่ เพื่อให้มีอำนาจ มีความชอบธรรมที่เหนือกว่าคนที่ประชาชนเลือก
ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลก็เป็นนโยบายที่เปิดเผยต่อประชาชนอย่างชัดเจน ได้ยินกัน ทั้งบ้าน ทั้งเมือง ทั้งจักรวาล ไม่ใช่การอำพราง หลอกลวง โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 112 ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขรวมถึงการไม่ได้เอาการแก้ไขมาตรา 112 เหมาลงเข่ง MOU พรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล ที่สำคัญ ส.ว.ก็ต้องรู้ เกินรู้ ยกเว้นแกล้งโง่ชั่วขณะ ในกรณีที่กฏหมายจะเข้าสู่สภา ขั้นตอนไม่เคยง่าย ไม่เคยธรรมดา นั่นหมายถึงการแก้ไขมาตรา 112 อาจถูกล้มคว่ำเอาง่ายๆ ในชื่อความชอบธรรม
ขณะที่สถานการณ์จริงที่จับต้องได้ คนเกินเจ้า คนแสวงประโยชน์จากสถาบันใช้กฏหมายมาตรา 112 จนนำไปสู่ความเสียหายต่อสถาบันอย่างเป็นที่ประจักษ์ ส.ว.ที่มีวุฒิภาวะต้องไปให้ถึงสาระ ศึกษาสาระ update ระบบนิเวศทางสังคมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยปราศจากอคติ
การออกมาแสดงความจงรักภักดีเหมือนอ่อนพรรษาทางการเมืองของ ส.ว.บางคนจึงมีราคาที่ต้องจ่ายอย่าง สมเหตุ สมผล สมตำแหน่ง สมค่าจ้าง ที่มาจากภาษีของประชาชน นั่นคือการไม่ผ่านประเมินผลคุณภาพการทำงานและต้องปลดออกจากตำนานที่อาจมีฉากกล้าหาญ งดงามบ้างในอดีต แต่ในวันนี้คุณภาพการทำงานของ ส.ว.หลายคนเสมือนยาหมดอายุที่อันตรายและต้องทิ้งลงถังขยะเท่านั้น”