ผู้นำอิสราเอลประกาศภาวะสงคราม หลังกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ส่งทหารโจมตีอย่างฉับพลัน โดยยิงมิสไซล์หลายพันลูก และจับตัวประกันซึ่งรวมถึงคนไทย 2 คน ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ฝ่ายกว่า 260 ศพ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซาเปิดฉากโจมตีอิสราเอลอย่างเหนือความคาดหมายในวันเสาร์ที่ 7 ต.ค. 2566 โดยยิงมิสไซล์เข้าใส่จำนวนหลายพันลูก และส่งนักรบเข้าสู่ดินแดนอิสราเอลทั้งทางบก, ทะเล และอากาศ จนเกิดการปะทะกันอย่างหนักหน่วงในหลายเมือง รวมถึงที่ฐานทัพใกล้กาซา
มีรายงานว่า ชาวอิสราเอล และอาจรวมถึงแรงงานไทยอย่างน้อย 2 คน ถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสจับกุมเป็นตัวประกัน และพาตัวไปยังฉนวนกาซา ด้านอิสราเอลตอบโต้ด้วยการระดมโจมตีทางอากาศใส่ฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 198 คน ตามข้อมูลจากทางการปาเลสไตน์
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ‘เบนจามิน เนทันยาฮู’ ระบุว่า อิสราเอล “เข้าสู่สงครามแล้ว” พร้อมประกาศว่า กลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซา จะต้อง “ชดใช้ด้วยราคาที่ไม่เคยพบมาก่อน”
ด้านเว็บไซต์ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ประเทศไทย ได้รายงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค.66 เวลา 18.44 น. ออกแถลงการณ์ของไทยต่อสถานการณ์การโจมตีอิสราเอล โดยมีรายละเอียดดังนี้
ในนามของรัฐบาลและประชาชนคนไทย กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อรัฐบาล และประชาชนอิสราเอล สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ซึ่งก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ และความเสียหายต่อทรัพย์สิน ฝ่ายไทยขอแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อผู้บาดเจ็บ โดยเฉพาะคนไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงและการโจมตีที่ไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมในครั้งนี้
รัฐบาลไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่จะสร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้น และขอร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการประณามการใช้ความรุนแรงและการโจมตีในครั้งนี้ รวมทั้งขอแสดงความหวังให้รัฐบาลอิสราเอลสามารถควบคุมสถานการณ์ให้กลับคืนสู่ปกติโดยเร็ว
ด้านเว็บไซต์กระทรวงแรงงาน เผยแพร่ข่าวเมื่อเวลา 20.57 น. ระบุว่า พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยแรงงานไทยที่ทำงานในอิสราเอลที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของกลุ่มฮามาส และสั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เร่งตรวจสอบและดูแลแรงงานอย่างใกล้ชิดทันที ซึ่งจากรายงานของ กิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เบื้องต้นพบว่ามีแรงงานไทยถูกยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 ราย ทราบชื่อคือ นายชาตรี ชาศรี อายุ 38 ปี เดินทางโดยกรมการจัดหางานจัดส่งไปทำงานเกษตรมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่จังหวัดนครพนม จากการตรวจสอบของกรมการจัดหางาน พบว่าเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีแรงงานไทยอีก 2 ราย ซึ่งเป็นสามีภรรยาถูกจับตัวไว้ ทราบชื่อคือ บุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 39 ปี และ ศศิวรรณ พันธ์ฆ้อง อายุ 36 ปี ทั้งคู่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ส่วนรายละเอียดอื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ภาพที่เชื่อว่าเป็นคนไทยอีกคนที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน ซึ่งยังต้องตรวจสอบอีกเช่นกัน
ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศ ได้เปิดหมายเลขฉุกเฉินเพื่อรับแจ้งเหตุ-ช่วยคนไทยในอิสราเอล โดยเปิดหมายเลขฉุกเฉินเพิ่มเติม คือ สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลข +972 546368150
สำหรับผู้ที่ประสงค์จะติดต่อสอบถามเกี่ยวกับญาติที่พำนักอยู่ในอิสราเอล สามารถติดต่อ Call center กรมการกงสุล ที่หมายเลข 02 5728442 (ตลอด 24 ชม.)
หมายเลขฉุกเฉินกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศที่หมายเลข
064-019-8530
064-019-8907
099-616-4786 (เปิดให้บริการวันที่ 8 ต.ค.2566)
เรียบเรียงจาก: Al Jazeera, bbc