เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง เขตพระนคร กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย จัดกิจกรรมย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ ในโอกาสครบรอบ 88 ปี วันอภิวัตน์สยาม เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบประชาธิปไตย ภายใต้กิจกรรม “ลบยังไง ก็ไม่ลืม” เพื่อร่วมกันแสดงเจตนารมน์ ให้ผู้มีอำนาจตระหนักว่าจะไม่ลืมในสิ่งที่พวกเขาอยากให้ลืม ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์จะต้องถูกจดจำตลอดไป โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก
โดยบริเวณดังกล่าว มีการใช้เทคนิคโฮโลแกรม ฉายภาพเรื่องราวประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปี 2475 ซึ่งถือเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทย
จากนั้น นายอานนท์ นำภา ผู้นำการจัดกิจกรรม รวมถึงผู้เข้าร่วมกิจกรรม เดินทางถึงพื้นที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งโรงเรียนสตรีวิทยา ก่อนเวลา 05.00 น.
ซึ่งทีมงานและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สังเกตสถานการณ์อยู่ได้มีการต่อรอง เพื่อขอใช้พื้นผิวจราจรบางส่วน โดยทีมงานได้ตั้งกางผ้าสีขาวขนาดความยาวประมาณ 10 เมตร เพื่อเป็นจอ รองรับการฉายภาพโฮโลแกรม ถ่ายทอดเรื่องราวการอ่านประกาศของคณะราษฎร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอม จึงทำให้การจัดกิจกรรมเกิดความล่าช้า
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่า จำเป็นต้องรักษาพื้นผิวการจราจรตามกฎหมาย และขอให้ผู้ร่วมกิจกรรมรักษาระยะห่าง ซึ่งเป็นไปตามมาตรการทางสังคมและอยู่ในกรอบของพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ผู้จัดกิจกรรมจึงต่อรองขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการพื้นที่บนทางเท้า เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถ ยืนร่วมกันทำกิจกรรมได้อย่างครบถ้วน เมื่อจัดการพื้นที่บนทางเท้าเรียบร้อยแล้ว ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม จึงเคลื่อนตัวขึ้นไปอยู่บนทางเท้า มีเพียงจอฉายโฮโลแกรมที่ตั้งอยู่บนพื้นผิวจราจรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กิจกรรมจึงเดินหน้าจนกระทั่งแล้วเสร็จ
โดยบรรยากาศของกิจกรรม คือ การร่วมกันยืนรับฟัง ประกาศของคณะราษฎรฉบับเต็ม ซึ่งกล่าวถึงเหตุผลและความจำเป็น ที่ต้องเปลี่ยนแปลงการปกครอง และมีรัฐธรรมนูญของประชาชน
นายอานนท์ กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้เป็นการย้ำเตือนให้เห็นถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีทั้งแง่บวกและแง่ลบ เป็นคุณและเป็นโทษกับบางคนบางฝ่าย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาหรือความเกี่ยวข้องใด ๆ กับการหมิ่นสถาบัน และเห็นว่าเป็นหน้าที่ของทุกคน
นายอานนท์ กล่าวต่อว่า รวมถึงผู้มีอำนาจและชนชั้นนำที่จะต้องช่วยกันประคับประคองประชาธิปไตยที่อาจพบปัญหา อาจพบข้อบกพร่องอยู่บ้าง ให้เดินหน้าต่อไปได้ และหากเห็นว่ามีคนกลุ่มใด องค์กรใดกระทำการผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์ของคณะราษฎร ก็ต้องปรับเปลี่ยนแก้ไข
“คนรุ่นใหม่ มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีความคิดอ่าน มีการแสดงจุดยืนที่ไปไกลกว่าในอดีต โดยเฉพาะหลายกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นโดยนักเรียน นิสิต นักศึกษาในปัจจุบัน จะยึดโยง ไปถึงเจตนารมณ์ของคณะราษฎร” นายอานนท์ กล่าว