24 มิถุนายน 2563 เวลา 12.30 น. ที่อาคารรัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบกระทู้สดในสภา ถึงแนวทางแก้ไขปัญหาล้งจีนที่เข้ามารับซื้อลำไยในประเทศว่า ล้งที่ขึ้นทะเบียนไว้ปัจจุบันมีทั้งหมด 42 ราย ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้มีกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการที่จะส่งเสริม ทั้ง ล้งไทย และ เกษตรกร ให้ได้มีโอกาสรวบรวมผลผลิต โดยไม่อาศัยล้งจีนเพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นแล้วก็ยังใช้วิธีการระบายลำไยผ่านกระบวนการในตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ส่วนกรณีปัญหาล้งไม่เพียงพอ ก็เป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อไป แต่กระทรวงพาณิชย์ได้ดูเรื่องนี้ทั้งระบบ และทั้งหมดก็ถือเป็นมาตรการเชิงรุกในการที่จะเข้าไปดำเนินการตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ช่วยให้ลำไยในประเทศราคาดีพอสมควร และในปีนี้ตนได้เริ่มต้นดำเนินการมาหลายเดือนแล้วล่าสุดวันที่ 7 มิถุนายน 2563 ตนได้เดินทางไปรับทราบปัญหาและคลี่คลายปัญหาร่วมกับเกษตรกร ผู้แปรรูป และผู้ส่งออก และภาคข้าราชการทั้งหมดด้วยตัวเอง ทั้งหมดได้มีมาตรการชัดเจนที่จะช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่า มาตรการช่วยเหลือชาวสวนลำไยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์มีมาตร การชัดเจน 5 มาตรการ กล่าวคือ 1. การช่วยเหลือเกษตรกรที่เก็บลำไย ทันทีที่เก็บให้แจ้งพาณิชย์จังหวัดจะได้รับความช่วยเหลือกิโลละ 3 บาท โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมไปแล้ววงเงิน 72 ล้านบาท 2.มาตรการในการช่วยค่าบริหารจัดการให้กับล้ง โดยช่วยกิโลละ 3 บาทเหมือนกัน ทันทีที่ล้งรับซื้อหนึ่งกิโลก็สามารถเบิกเงินจากกระทรวงพาณิชย์ได้ทันทีกิโลละ 3 บาท เพื่อช่วยให้มีการเร่งรับซื้อลำไยสดจากเกษตรกร 3. ช่วยผู้ส่งออก ทันทีที่ส่งออกหนึ่งกิโลสามารถนำเอกสารไปเบิกกิโลละ 5 บาท เพื่อช่วยทั้งระบบ ทั้งเกษตรกร และล้ง เพื่อให้ลำไยพ้นจากสวนไปสู่ตลาดต่างประเทศ เป็นการระบายเพื่อที่จะให้ราคาปรับเงินที่สูงขึ้น และ 4. การชะลอขาย โดยกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการช่วยเหลือ สำหรับผู้ที่รวบรวมไม่ขายรัฐจะช่วยเรื่องมาตรการดอกเบี้ย ทั้งเกษตรกร และผู้ส่งออก ดอกเบี้ยร้อยละ3 ต่อปี จะต้องมีการไปกู้เงินเพื่อชะลอการขาย 5. ในเรื่องของการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ รวมทั้งลำไย โดยงบประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเร่งบริโภคลำไยในประเทศและเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยได้สั่งการตั้งแต่ลงพื้นที่ลำพูนในวันที่ 7 มิถุนายน และยังได้กำชับไปอีกรอบหนึ่งว่ามาตรการทั้งหมดต้องดำเนินการทันทีไม่ให้ชักช้า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องการตลาดได้เตรียมการเชิงรุกเรียบร้อยแล้ว โดยใช้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต โดยเน้นทั้ง ตลาดในประเทศ และ ต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดในประเทศ จะเน้นทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ โดยมีการเตรียมการเซ็นสัญญาโมเดิร์นเทรด กับห้างสรรพสินค้าดังๆในประเทศ อาทิ มีการเซ็นสัญญากับ ห้างเซ็นทรัล และ ห้างเดอะมอลล์ ที่จะรับไปลำไยเกรดพรีเมี่ยม จำนวน 200 ตัน ไปจำหน่าย นอกจากนั้นยังมีการ ดำเนินการในเรื่องของตลาดซื้อขายล่วงหน้า เตรียมการในเรื่องโมเดิร์นเทรดในห้างอื่นๆ อีก 4,800 ตัน ซึ่งขณะนี้มีการเซ็นเรียบร้อยแล้ว มูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท และยังได้สั่งการให้กับพาณิชย์จังหวัดทำหน้าที่เซลล์แมนจังหวัดในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันระหว่างจังหวัด 77 จังหวัด ลำไยก็เป็นหนึ่งในสินค้าตัวนั้น ขณะนี้ขายได้ 42 ล้านบาท และจะต้องเดินหน้าดำเนินการต่อไป เช่น เอาลำไยแลกข้าว เอาลำไยแลกลองกอง แลกปลา ส่วนต่างของเงินจ่ายเป็นเงินสด หรือ เอาสินค้าอื่นมาเติม ทั้งหมดเป็นมาตรการที่ได้ดำเนินการ และเตรียมการไว้แล้ว นอก จากนั้นในเรื่องตลาดออนไลน์ในประเทศ เราก็สามารถที่จะทำให้ลำไยขึ้นไปขายในแพลตฟอร์ม ลาซาด้า เจดี จตุจักร ช๊อปปี้ ไทยแลนด์โพสต์มาสของไปรษณีย์ไทย และ อื่นๆ เป็นต้น และในช่วง พฤษภาคม-มิถุนายน กระทรวงพาณิชย์ได้จัด Thai fruits golden months แปลว่าสองเดือนทองสำหรับผลไม้ มีลำไยอยู่ในนั้นด้วย เพื่อที่จะเร่งรัดส่งเสริมการบริโภคให้กับคนไทยทั่วทั้งประเทศ และมียอดขายแล้วขณะนี้หลาย 10 ล้านบาท ส่วนในตลาดต่างประเทศก็ได้มีการเตรียมการ ทั้งตลาดออนไลน์ และ อ๊อฟไลน์ เช่น ตลาดอ๊อฟไลน์ ใน 9 เมืองของจีน ซึ่ง ลำไยส่งออกจีนมากที่สุด นอกจากนั้นยังมี สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น
วันที่ 1-4 กันยายน นี้ จะมีการไปร่วมงานสินค้ามาเลเซีย โดยจะนำลำไยไปด้วย ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้เตรียมการไว้ ส่วนในเรื่องของออนไลน์ก็ได้มีการดำเนินการขายผ่าน Tmall หรือ อารีบาบาของจีน โดยไลฟ์สดขายผลไม้ไทยออนไลน์ 20 นาที มีผู้ชมทั้งหมด 16,000,000 คน นอกจากนั้นยังมีขายอีกหลายประเทศด้วยกัน ที่สำคัญก็คือวันที่ 16 – 17 กรกฎาคม 2563 ตนจะเชิญผู้ซื้อจากต่างประเทศ และผู้ขายลำไยในประเทศไทย ขายกันบนออนไลน์ ที่กระทรวงพาณิชย์ จัดให้ จะมีลูกค้า ทั้งจีน อาเซียน เอเชีย และตะวันออกกลาง มาซื้อลำไย ผ่านกระบวนการออนไลน์ในวันที่ 16 – 17 นี้
“ขอให้สบายใจว่ากระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการเชิงรุกไว้ทั้งหมด และทุกอย่างต้องทำด้วยความรวดเร็วตามแผนและถ้ายังติดขัดปัญหาใดๆก็จะเร่งดำเนินการแก้ไขให้ และขณะนี้อินโดนีเชียเป็นตลาดเดียวที่มีปัญหา เพราะปีนี้อินโดฯยังไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า เพราะอินโดฯใช้นโยบายซึ่งตนเอง ลำไยเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ติดปัญหา ตนพยายามที่จะแก้ไข ได้ทำหนังสือถึง รมว.พาณิชย์อินโดและขอนัดหมายเจรจาอีกไม่กี่วันระดับเจ้าหน้าที่ก็จะมีการเจรจาที่อินโดนีเซีย เพื่อที่จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือในที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนในวันที่ 27 – 28 กรกฎาที่จะถึงนี้ ขอให้ได้รับความมั่นใจว่ากระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลจะดูแลชาวสวนอย่างเต็มที่”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า มาตรการช่วยเหลือเรื่องดอกเบี้ย 3% สำหรับผู้รวบรวมผลผลิต ไม่จำ เป็นต้องเป็นบริษัทจำกัดเท่านั้น ที่อยู่ในเงื่อนไขที่ไปกู้เงินได้ ไม่ว่าจะเป็นสหกรณ์วิสาหกิจชุมชน หรือ ในรูปแบบนิติบุคคลอื่นที่กู้เงินธนาคารได้ ก็สามารถมารับความช่วยเหลือในเรื่องของรวบรวมผลผลิตนี้ได้ร้อยละ 3 ต่อปีเช่นเดียวกันทั้งหมด