นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ร่วมมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีนายพชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการธนาคารออมสิน และนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนใหม่ พร้อมคณะกรรมการและผู้บริหารธนาคารออมสิน ร่วมรับมอบนโยบาย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมธนาคารออมสินว่า วันนี้ได้มอบนโยบายให้ธนาคารออมสินเข้าไปช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยในส่วนของลูกค้ารายย่อยนั้นส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องจนต้องไปกู้ยืมหนี้นอกระบบ ซึ่งธนาคารจะต้องปรับเพิ่มสินเชื่อให้มากขึ้นจากปัจจุบันมีฐานลูกค้าของรัฐประมาณ 30%
ทั้งนี้ในส่วนผู้ประกอบการรายใหม่นั้น หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ธุรกิจก็จะต้องปรับตัวไปสู่ New Normal ธุรกิจใหม่ๆก็จะเกิดขึ้นทุกมุมเมือง จึงขอให้ธนาคารเข้าไปช่วยกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ รวมไปถึง ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ
“คนตัวเล็กมีทุนน้อยมาก เราต้องเข้าไปช่วย เพื่อไม่ให้เกิด Credit crunch หรือภาวะขาดแคลนเงิน ถ้าเราไม่ช่วยปัญหาหนี้นอกระบบจะเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันปัญหาหนี้นอกระบบมีถึง 3-4 แสนล้านบาท ถ้าพยายามป้อมกันแล้วปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยถูกๆ แบบนี้เราจะช่วยเขาได้” นายสมคิด กล่าว
ด้าน นายอุตตม สาวนายน กล่าวว่า ธนาคารออมสินได้เตรียมสินเชื่อไว้ช่วยลูกค้ารายย่อยอีก 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อเพิ่มเติมที่ปล่อยให้แก่รายย่อยในช่วงโควิด-19 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้ สินเชื่อดังกล่าวได้ปล่อยหมดแล้วจำนวน 1 ล้านราย แต่พบว่า ยังมีความต้องการเพิ่มเติม ธนาคารจึงจะปล่อยเพิ่มเติม คาดว่าจะเริ่มได้เร็วๆ นี้
สำหรับสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการอีก 1 แสนล้านบาท จะเป็นสินเชื่อซอฟท์โลนเพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มท่องเที่ยวและบริการ เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ ร้านนวด เป็นต้น โดยธนาคารออมสินจะปล่อยสินเชื่อนี้แก่ธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี เพื่อให้นำไปปล่อยต่อแก่ผู้ประกอบการดังกล่าวในอัตราไม่เกิน 2% ต่อปี ทั้งนี้ จะมีบรรษัทค้ำประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมหรือบสย.เข้ามาช่วยค้ำประกันแก่ลูกหนี้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อได้เร็วยิ่งขึ้น
“ได้ฝากธนาคารออมสินไปว่า ออมสินจะต้องปรับโครงสร้างหรือปรับทัพ โดยให้มีหน่วยงานกลางมีดูแลกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพื่อเป็นการให้ทุนควบคู่กับทักษะ เพื่อให้เขาต่อยอดได้” นายอุตตม กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวเพิ่มเติมว่า ซอฟท์โลน 1 แสนล้านบาทดังกล่าวจะเน้นปล่อยให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนอื่นเป็นหลัก ขณะที่ ธุรกิจการบินนั้นเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ วงเงินที่จะปล่อยนั้น จะไม่ครอบคลุม เพราะปล่อยได้ไม่เกินรายละ 50 ล้านบาท และ จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างจากซอฟท์โลนของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น เป็นลูกค้ารายใหม่ได้ เป็นต้น ซึ่งซอฟท์โลนนี้ จะต้องเสนอบอร์ดและกระทรวงการคลังอย่างเร่งด่วน
สำหรับสินเชื่อเพื่อรายย่อยวงเงิน 2 หมื่นล้านบาทนั้น เราจะปรับปรุงเงื่อนไขให้คล่องตัวมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีการค้ำประกัน ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะคิดอัตราเดิมที่ 0.35% ต่อเดือนเหมือนเดิม โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติในอังคารหน้า
อย่างไรก็ตาม ส่วนสินเชื่อรายย่อยเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ ซึ่งเป็นแผนระยะกลางที่ธนาคารจะดำเนินการภายใน 6 เดือน ทั้งนี้ เบื้องต้น ธนาคารมีเป้าหมายจะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยสินเชื่อนอกระบบที่อยู่ในอัตรา 24-28% ต่อปี ให้เหลือราว 10% ต่อปี
