จากกรณีที่มีกระแสข่าวถึงการปล่อยตัวแกนนำม็อบเยาวชนแต่ยังมีความคลุมเครือในบางกรณีซึ่งในเรื่องดังกล่าวนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ออกมาเปิดเผยว่า กรณีที่กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี เตรียมมายื่นหนังสือถึงบ้านพัก เพื่อสอบถามถึงการจับกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมว่า ต้องขออภัยที่ตนไม่อยู่บ้าน เพราะติดภาระกิจงานของกระทรวงยุติธรรม แต่ได้มอบหมายให้ นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม รับหนังสือแทน
ซึ่งตนพอจะได้ทราบประเด็นในข้อสงสัยและได้เตรียมคำอธิบายเอาแล้ว คือ ประเด็นแรก การจับตัวหรือการปล่อยตัวแกนนำอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม ซึ่งเดิมศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานเดียวกับกระทรวงยุติธรรม ต่อมาในปี พ.ศ. 2543 สำนักงานศาลยุติธรรมได้แยกออกเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การพิจารณาคดีต่างๆ รวมถึงการพิจารณาคดีอาญาย่อมอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาล กระทรวงยุติธรรมจะมีบทบาทดำเนินการบังคับตามคำพิพากษาของศาล โดยขั้นตอนการดำเนินคดีอาญา การออกหมายจับ เป็นกรณีที่ตำรวจจะต้องไปขออำนาจศาลดำเนินการทั้งสิ้น เมื่อผู้ถูกจับอยู่ในการควบคุมของตำรวจแล้ว ตำรวจจะนำตัวมาส่งศาลในเขตอำนาจ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การสั่งให้ควบคุมตัวระหว่างดำเนินคดีอยู่ในอำนาจของศาลเช่นกัน โดยบุคคลเหล่านี้จะอยู่ในการควบคุมดูแลของเรือนจำหากไม่ได้รับการปล่อยตัว ทั้งนี้การจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวบุคคลเหล่านี้หรือไม่ ย่อมเป็นอำนาจของศาลในการพิจารณามีคำสั่ง รมว.ยุติธรรม ไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ ในการสั่งปล่อยตัวชั่วคราวบุคคลเหล่านั้นได้ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยศาลจะมีหมายปล่อยไปยังเรือนจำที่ควบคุมตัวบุคคลเหล่านี้ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากบุคคลเหล่านี้ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวทางกรมราชทัณฑ์มีมาตรการควบคุมตัวในระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีเป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม กรณีหากพบว่ามีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายบุคคลเหล่านี้ย่อมใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลพิจารณาตรวจสอบถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ สามารถให้ทนายความดำเนินการดังกล่าวแทนได้