การเคหะแห่งชาติชูหลัก “ธรรมาภิบาล” รับคืนอาคารเช่ามาบริหารจัดการเองเพื่อผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ยืนยัน“ซื่อสัตย์-โปร่งใส-ตรวจสอบได้” เคลียร์ชัดทุกประเด็น
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวการรับเรื่องร้องเรียนการบริหารโครงการอาคารเช่า โครงการบ้านเคหะสุขประชา และโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงของการเคหะแห่งชาติว่า กรณีการรับคืนอาคารเช่าเหมาจากบริษัทเอกชน ได้มีข้อเรียกร้องของประชาชนผู้พักอาศัยว่า ถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทเอกชนและได้ร้องเรียนมายังการเคหะแห่งชาติประกอบกับบริษัทเอกชนที่ดำเนินการเช่าเหมาอาคารจากการเคหะแห่งชาติครบกำหนดสัญญาแล้ว อีกทั้งยังมีหนี้ค้างชำระค่าเช่าให้การเคหะเคหะแห่งชาติเป็นระยะเวลาหลายเดือน การเคหะแห่งชาติจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการรับคืนอาคารเช่า เพื่อมาบริหารจัดการเองและดูแลพี่น้องประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น
สำหรับกรณีโครงการนำร่องบ้านเคหะสุขประชา ขอยืนยันว่า การเคหะแห่งชาติดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลงทุน ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนระหว่างปี ทั้งนี้ โครงการบ้านเคหะสุขประชาอยู่ระหว่างดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบภายหลังจากนำผลการดำเนินงานโครงการนำร่องเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประกอบการนำเสนอโครงการบ้านเคหะสุขประชาต่อไป เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยความบอบช้ำในอดีตที่เกิดขึ้นกับการเคหะแห่งชาติอีกต่อไป
ส่วนกรณีโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง อยู่ระหว่างดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ 2 เพื่อก่อสร้างอาคาร A1 และอาคาร D1 ซึ่งความล่าช้าของการก่อสร้างเกิดจากกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามกฎหมาย เพราะมีการอุทธรณ์ผลการพิจารณาผู้รับจ้าง ขณะนี้การเคหะแห่งชาติได้เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่
“การเคหะแห่งชาติยึดหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส ดำเนินการทุกเรื่องตามระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนดทุกโครงการ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ยินดีให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน ขอยืนยันทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความโปร่งใสในการทำงานทุกขั้นตอน และพร้อมที่จะตอบชี้แจงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป” นายทวีพงษ์ กล่าวยืนยัน