ครั้งแรกของซูเปอร์มาร์เก็ตไทย เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล นำนวัตกรรม AIเชื่อมโลกช้อปปิ้ง เปิดตัวหุ่นยนต์ผู้ช่วยบริการอัจฉริยะ “น้องเต็มใจ” รับผู้บริโภคยุค New Normal
18 พฤศจิกายน 2564- เมื่อโควิดเร่งให้ทุกธุรกิจต้องปรับตัวรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตวิถีใหม่ มีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัดในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำนวัตกรรมค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ตอบสนองผู้บริโภคยุค New Normal เปิดตัวหุ่นยนต์บริการอัจฉริยะ “น้องเต็มใจ” ครั้งแรกของซูเปอร์มาร์เก็ตไทยกับการนำนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เพื่อเป็นผู้ช่วยพนักงาน เติมเต็มและยกระดับการบริการให้มีประสิทธิภาพ สร้างประสบการณ์ใหม่เชื่อมโลก Robotics กับการช้อปปิ้งให้ใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ท็อปส์ มาร์เก็ต และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ 21 สาขาทั่วประเทศ
นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า “จากการเก็บข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าในช่วงเกือบ 2 ปีที่มีการแพร่ระบาดพบว่า สถานการณ์โควิดทำให้นักช้อปมีการปรับเปลี่ยนชุดพฤติกรรม รูปแบบวิถีชีวิตประจำวันจนกลายเป็นการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) โดยลูกค้าของเราวางแผนการซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อใช้เวลาในร้านให้น้อยลง ให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างลดการสัมผัสและการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลในร้านมากขึ้น เพื่อปรับตัวให้ทันกับรูปแบบการช้อปปิ้งแนวใหม่ บริษัทฯ จึงตัดสินใจนำ AI Service Robot หรือ “น้องเต็มใจ” หุ่นยนต์ผู้ช่วยบริการอัจฉริยะมาช่วยเสริมทัพพนักงานของเรา นับเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายแรกในประเทศไทยที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาร่วมให้บริการอย่างเป็นทางการ โดยมุ่งหวังว่าหุ่นยนต์ผู้ช่วยจะเติมเต็มประสบการณ์แปลกใหม่ สร้างสีสันในการช้อปปิ้งให้กับลูกค้า (Customer Experience) เพิ่มโอกาสในการนำเสนอสินค้าช่วยส่งเสริมการขายให้กับแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกช่วงสถานการณ์ อีกทั้งเป็นกำลังเสริมให้กับพนักงานของเรา ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ในด้านผู้นำค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตที่ให้ความสำคัญกับการเลือกหานวัตกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ เพราะปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยคืออีกกุญแจสำคัญของความสำเร็จของธุรกิจที่ให้บริการ”
ด้านคุณสมบัติหลักของหุ่นยนต์ผู้ช่วยบริการอัจฉริยะจะแบ่งเป็น 2 โหมดหลัก ได้แก่
1. Cruising Mode ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพนักงานแนะนำสินค้าต่าง ๆ เช่น สินค้าโปรโมชั่น สินค้าใหม่ ซึ่งแต่ละสาขาสามารถคัดเลือกสินค้ามานำเสนอให้เหมาะกับแต่ละช่วงเวลา เพิ่มโอกาสทางการขายมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันลูกค้าก็จะไม่พลาดกับสินค้าราคาพิเศษ, การแจก Product Sampling ทำให้ลูกค้าได้ทดลองชิม-ใช้สินค้าที่ต้องการโปรโมท โดยน้องเต็มใจจะเคลื่อนที่ไปรอบๆ ร้านและนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้าที่มาช้อปปิ้งโดยตรง ซึ่งโหมดดังกล่าวใช้เทคโนโลยี Facial Detection – AI based technology ในการตรวจจับใบหน้าของลูกค้าที่อยู่ข้างหน้า โดยหุ่นยนต์จะลดความเร็วลงและหยุดเพื่อให้ลูกค้าสามารถหยิบซื้อ ทดลองสินค้าได้
2. Navigation Mode โหมดผู้ช่วยนำทางซึ่งลูกค้าสามารถกดเลือกโซนสินค้าเพื่อให้หุ่นยนต์ผู้ช่วยบริการอัจฉริยะนำทางไปยังแผนกที่ต้องการทำให้ลูกค้าสามารถหาสินค้าได้ง่าย รวดเร็วประหยัดเวลามากขึ้น โดยใช้ Lidar sensor + Vision Positioning เป็นเทคโนโลยีเดียวกับรถยนต์อัจริยะไร้คนขับ เพื่อตรวจจับวัตถุและใช้ในการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ ซึ่งระบบนี้จะช่วยตรวจจับสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้าและคำนวนเส้นทางเพื่อหลบหลีกลูกค้า สิ่งกีดขวาง ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นภายในร้าน ซึ่งเทคโนโลยีนี้ยังทำให้หุ่นยนต์สามารถสร้างแผนที่เสมือนจริง (Virtual Mapping) ในการนำทางภายในร้านโดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น การทำสัญลักษณ์ (Marker) บนพื้นเพื่อใช้นำทางการเดินของหุ่นยนต์
สำหรับแผนการติดตั้งภายในปีนี้บริษัทฯ เตรียมติดตั้งหุ่นยนต์ผู้ช่วยบริการอัจฉริยะที่ท็อปส์ มาร์เก็ต และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ 21 สาขา ทั้งในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ นครปฐม ชลบุรี อยุธยา เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ขอนแก่น และนครรราชสีมา ซึ่งในบางสาขาที่ได้เริ่มให้บริการไปแล้วได้รับความสนใจและลูกค้าให้การตอบรับที่ดี เนื่องจาก AI Service Robot หรือ “น้องเต็มใจ” หุ่นยนต์ผู้ช่วยบริการอัจฉริยะเป็นเทคโนโลยีฟังก์ชั่นใหม่ที่ยังไม่มีในซูเปอร์มาร์เก็ตที่อื่น อีกทั้งการนำนวัตกรรมหุ่นยนต์ AI มาให้บริการเป็นหนึ่งในนโยบาย Digital Transformation ของบริษัทฯ ในการก้าวสู่ Innovated Supermarket ที่ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนนำนวัตกรรมที่น่าสนใจมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวก สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ (Seamless Shopping Experience) ให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในทุกมิติ รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีมาสร้าง Circular Economy ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเรื่องความยั่งยืน เป็นการเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของซูเปอร์มาร์เก็ต” นายสเตฟาน กล่าวทิ้งท้าย