ใครจะเชื่อว่าของเล่นชิ้นเล็ก ๆ จะกลายเป็นงานมหกรรมใหญ่โตจัดโชว์ของเล่นมากมาย ที่อัดแน่นด้วยความฝัน ความทรงจำ และความรัก… ที่สร้างชีวิตและอาชีพให้กับผู้คนมากมายได้ขนาดนี้ Thailand Toy Expo เริ่มต้นจากความคลั่งไคล้ของเล่นและตัวการ์ตูนมากของผู้ก่อตั้งงาน คุณพงศธร ธรรมวัฒนะ ประธานจัดงาน และคุณสุภนิตย์ สุรชัยกุลวัฒนา Creative director บวกกับแรงบันดาลใจการจัดงานจาก San Diego Comic-Con International งานหนังสือการ์ตูนและงานบันเทิงหลายประเภท เมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดขึ้นทุกปีมาตั้งแต่ปี 1970 และงานอาร์ตทอย (Art Toy) หรือดีไซน์ทอย (Design Toy) ที่แตกต่างจากของเล่นทั่วไป
San Diego Comic-Con International, Photo source from olhardigital.com.br
แต่ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกับ อาร์ตทอย หรือดีไซน์ทอย (Design Toy/ Designer Toy) ฝั่งเอเชียจะนิยมเรียกว่า “อาร์ตทอย” ฝั่งตะวันตกจะนิยมเรียกว่า “ดีไซน์เนอร์ทอย” แต่นิยามทั้งสองนั้นมีความหมายคล้ายคลึงกันคือ “ของเล่นที่ศิลปินเป็นผู้ออกแบบและผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพื่อจำหน่ายหรือส่งมอบให้กับผู้อื่น” หากดูภายนอกก็อาจเหมือนของเล่นของสะสมทั่ว ๆ ไปที่เราเห็นตามร้านของเล่น แต่ต่างกันตรงที่มีการผลิตจำนวนจํากัดและมักจะไม่จะผลิตขึ้นมาใหม่ และมองได้ว่าเป็นงานศิลปะอีกแบบหนึ่งที่นิยมสะสมในระยะยาว
อะไรคือจุดเด่นของอาร์ตทอย
- ออกแบบโดยไม่ต้องอิงที่มา จะเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน ไม่จำเป็นต้องบอก ไม่จำเป็นต้องมีมาจากการ์ตูนเรื่องไหน หรือภาพยนตร์เรื่องอะไร
- สีสันที่ชวนดูโดดเด่นอาร์ตทอยอาจจะมีตั้งแต่ไม่ลงสีเลย เป็นสีของตัววัสดุที่ทำขึ้นมาล้วน ๆ หรือมีสีแค่ 1-2 สี จนไปถึงทำสีให้ดูสวยงามแบบเต็มอัตรา ขึ้นอยู่กับสไตล์ของศิลปินเป็นหลักว่าอยากทำแบบไหน ส่วนของเล่นหรือฟิกเกอร์โมเดลทั่วไปก็คงต้องลงสีให้ครบตามต้นฉบับในการ์ตูนนั่นเอง
- ผลิตในจำนวนจำกัด ถ้ามีใครสนใจคิดอยากจะซื้อตัวอาร์ตทอยเก็บสะสม ก็ควรพยายามติดตามศิลปินที่เราชื่นชอบ ทั้งทางเฟสบุ๊คไม่ก็ไอจี เพราะตัวศิลปินเองจะมีการโปรโมทงานอาร์ตทอยให้เราได้สั่งจองกัน (พรีออเดอร์) ในขณะที่ถ้าเป็นของเล่นทั่วไปอย่างตามท้องตลาดที่เราเห็นกันอยู่ จะเห็นได้ว่าจะไม่มีการกำหนดจำนวนการผลิตหากขายดีก็ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าเจ้าของจะพอใจนั่นเอง
- ราคาสูงกว่าของเล่นทั่วไปจุดนี้คือจุดเด่นที่เห็นได้ชัดว่าอาร์ตทอยส่วนใหญ่จะแพงกว่าของเล่นทั่วไปในรูปแบบที่ใกล้ ๆ กัน ซึ่งราคาหลัก ๆ ก็จะเริ่มอยู่ที่หลักพันจนไปถึงหลักแสน!! สาเหตุก็เพราะมันผลิตในจำนวนน้อย หาซื้อยาก และจะยิ่งแพงขึ้นไปอีกหากศิลปินและนักออกแบบเป็นคนมีชื่อเสียง
เมื่อความหลงไหลผสมกับแรงบันดาลใจ Thailand Toy Expo จึงเป็นงานมหกรรมของเล่นสายอาร์ตทอยจากทั่วทุกมุมโลก ที่มาอวดโฉมให้ผู้เข้าชมได้ชื่นชมศิลปะที่จับต้องได้ ถ่ายทอด รับรู้ได้ง่าย และจับจองเป็นเจ้าของ… งานครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 10-13 มกราคม พ.ศ. 2556 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ในชื่องาน THAILAND TOY EXPO 2013 เป็นการนำเอางานอาร์ตทอยของศิลปินไทยและต่างชาติมาโชว์ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป… ถัดมาอีกปีได้รับการสนับสนุนจากทีเส็บ ขยายพื้นที่ ขยายวงศิลปินให้กว้างขวางมากขึ้น สร้างโอกาสตามกระแสของ POP Culture ที่กำลังมาแรง… และได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานในเวลาต่อมา จนกลายเป็นงานที่จัดต่อเนื่องกันมาหลายปี และเป็นเวทีสำคัญของนักออกแบบของเล่นชาวไทยที่จะนำเอาผลงานมาจัดแสดงต่อสายตานักสะสมทั่วโลก โดยการจัดงานในแต่ละครั้ง สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจในรูปแบบ GDP กว่า 2,500 ล้านบาท ก่อให้เกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลกว่า 249 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 24,100 ตำแหน่ง
ถึงแม้ว่าการจัดงาน Thailand Toy Expo 2020 จะเป็นอีกหนึ่งอีเวนท์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบงานเป็น Virtual Reality (VR) Online โดยให้ผู้ที่สนใจเดินชมของเล่นและของสะสม ผ่านเว็บไซต์ thailandtoyexpo.com ที่มีขึ้นในวันที่ 28-31 พฤษภาคม โดยใช้โกดังเก็บเรือเป็นสถานที่จำลองงาน มีบูธของทอยดีไซเนอร์เข้าร่วมงาน 50 บูธ ซื้อขายสินค้ากับทางผู้จัดซึ่งเป็นผู้จำหน่าย หรือกับทอยดีไซเนอร์เองได้ทันที
จนถึงวันนี้งาน Thailand Toy Expo กลายเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และได้รับการยอมรับจากนานาชาติให้เป็น 1 ใน 10 มหกรรมของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นงานที่จะได้ชมของเล่นระดับโลกกว่า 150 แบรนด์ดัง ทั้งจากอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ที่ขนเอาผลงาน Exclusive และ Limited Edition มาจัดแสดงและจำหน่ายที่ประเทศไทยเป็นที่แรก และได้ใกล้ชิดศิลปินที่มาร่วมพูดคุยกว่า 50 ชีวิตแบบใกล้ชิดอย่างที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน เช่น Sven & Mark จาก COARSE, AMANDAVISELL, KENNY WONG, 9G, SHOKO NAKAZAWA, KONATSU, MAI NAGAMOTO, DAN, SHON, DEHARA YUKINORI และ UAMOU รวมทั้งกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ภายในงานอีกมากมาย
Thailand Toy Expo พร้อมต้อนรับทุกคนโดยไม่เสียค่าเข้างาน นับเป็นงานที่จัดขึ้นไม่ใช่แค่เพื่อคนรักของเล่น แต่ยังเผยแพร่ผลงานของเล่นของศิลปินมากหน้าหลายตาจากทั้งไทยและต่างประเทศให้เข้าถึงคนนอกอุตสาหกรรมของเล่นมากขึ้น ดึงดูดชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาเยี่ยมชมงาน สร้างการเติบโตให้อุตสาหกรรมการออกแบบในประเทศให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี