องค์การอนามัยโลก ประกาศประเด็นรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก ปี 2565 “ยาสูบ : ภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อม” ทุกปีมีขยะจากก้นบุหรี่ 4.5 ล้านล้านชิ้น ผลิตบุหรี่ 1 มวน ต้องใช้น้ำ 3.7 ลิตร ใช้ต้นไม้ 1 ต้น ผลิตบุหรี่ได้ 300 มวน
เมื่อวันที่ 18 เมษายน นพ.จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์กรอนามัยโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศประเด็นการรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม 2565 คือ “ยาสูบ : ภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อม” มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากยาสูบ ด้วยการสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากวงจรการปลูก การผลิต การจัดจำหน่ายยาสูบ ของเสีย และขยะที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จะทำให้คนเลิกสูบบุหรี่อีกด้วย การปลูก การผลิต และการใช้ยาสูบ ก่อมลพิษให้แก่ แหล่งน้ำ ดิน ชายหาด และถนนหนทาง ซึ่งเกิดจากการปนเปื้อนของสารพิษในดินและน้ำ ขยะก้นบุหรี่ รวมถึงไมโครพลาสติก และขยะจากชิ้นส่วนของบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงต้นไม้เป็นจำนวนมากถูกตัดเพื่อแผ้วถางพื้นที่สำหรับการทำไร่ยาสูบ
“การผลิตบุหรี่ ต้องใช้ต้นไม้ 1 ต้นในการผลิตบุหรี่ 300 มวน ขณะที่กระบวนการผลิตบุหรี่ 1 มวน ต้องใช้ปริมาณน้ำถึง 3.7 ลิตร โดยเฉลี่ยหากนักสูบ 1 คนเลิกสูบบุหรี่ได้ จะช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 74 ลิตรต่อวัน นอกจากนี้ ชาวไร่ยาสูบเองก็ได้รับนิโคตินจากการสัมผัสใบยาในปริมาณสูงเทียบเท่าการได้รับจากบุหรี่ 50 มวนต่อวัน มีการประมาณการว่า แต่ละปีมีขยะก้นบุหรี่ถึง 4.5 ล้านล้านชิ้นถูกทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อม” นพ.จอส กล่าว
นพ.จอส กล่าวต่อว่า บุหรี่คร่าชีวิตประชาชนทั่วโลกสูงถึงกว่า 8 ล้านคนต่อปี เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และยังทำลายสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่กระบวนการปลูก การผลิต การจัดจำหน่าย การบริโภค และขยะหลังการบริโภค ซึ่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากอุตสาหกรรมยาสูบและจากการสูบบุหรี่นั้น มหาศาลและเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโลกที่มีทรัพยากรจำกัด และมีระบบนิเวศน์ที่เปราะบางอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเลิกบุหรี่เพื่อรักษาสุขภาพและโลกของเรา
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.who.int/campaigns/world-no-tobacco-day/2022/