กรณีสามเณรรูปหนึ่งใน จ.น่าน ออกมาเปิดเผยว่า ถูกพระอาจารย์วัดดังแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน ล่วงละเมิดทางเพศนานกว่า 2 ปี หลังเข้าบวชเป็นเณรเพื่อเรียนหนังสือ และอาศัยอยู่ในกุฏิรวม ก่อนที่พระอาจารย์จะให้ย้ายไปอยู่กุฏิเดียวกัน ต่อมาถูกหอมแก้ม จับอวัยวะเพศ และถูกพระอาจารย์ใช้ของลับสอดใส่รูทวาร ตั้งแต่ ม. 2 ถึง ม. 3 ก่อนทนไม่ไหว เล่าความจริงพร้อมให้แม่พาไปแจ้งความ จนกลายเป็นข่าวดังสะเทือน
รายการโหนกระแสวันที่ 3 พ.ย. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ ลิตา (นามสมมติ) แม่เณรผู้เสียหาย, ป้าโย ดำเนินการเรื่องคดี ,อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา มาพูดคุยกันเรื่องนี้
อาจารย์ก็บวชเรียนมา กรณีพระละเมิดเณรแบบนี้ มีบ่อยมั้ย?
จตุรงค์ : ใช้คำว่าทั่วโลก ทุกศาสนาที่มีนักบวช ใช้คำนี้เลย เป็นเรื่องปกติ อย่าบอกว่าแค่ศาสนาพุทธ ทุกศาสนาในโลกที่มีนักบวช จะเจอปรากฎการณ์นักบวชในศาสนานั้นๆ
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง?
จตุรงค์ : ไม่ต้องถูกนะ แค่เล่าปรากฎการณ์เฉยๆ ว่ามันมี แล้วมีการล่วงละเมิดเณรหรือเยาวชน มีให้เห็นบ่อย ซึ่งไม่ถูกต้อง และควรมีการดำเนินการตามกฎหมาย
เรื่องราวของคุณแม่เป็นยังไง เหตุเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่?
ลิตา : ที่เณรมาบวชเรียนเพราะอยากแบ่งเบาภาระของแม่ เพราะแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ให้คุณยายเป็นคนเลี้ยง เขาก็จะสนิทกับคุณยายมาก พอเขาจบป.6 เขาตั้งใจจะบวชเรียนตั้งแต่ม.1 ถึง ม.6 เลยค่ะลดภาระของแม่ด้วย จากนั้นช่วงม.1 เทอมสอง ลูกมาบอกกับคุณยายว่าอยากย้ายวัด ตอนแรกที่เลือกวัดนี้เพราะเพื่อนสามเณรเขาไปบวชและจำวัดอยู่วัดนั้น อยู่จังหวัดน่านค่ะ
ลูกไปบวชตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
ลิตา : 13 ค่ะ
แม่รู้เรื่องได้ยังไง?
ลิตา : ลูกจะส่งวิดีโอค่ะ ลูกจะถ่ายท้องฟ้า ถ่ายเมฆที่เดิมๆ มุมเดิมๆ แม่ก็เอ๊ะ มันทำให้เรารู้สึกว่าลูกรู้สึกโดดเดี่ยว เคว้งคว้าง เหงา มีครั้งนึงวิดีโอคอลคุยกัน แม่เป็นแม่ครัวอยู่ร้านอาหารตามสั่ง เขาเห็นอาหารก็บอกว่าอยากทานอาหารที่แม่ทำจังเลย เวลาเขาพูดถึงแม่เหมือนเศร้าๆ เหงาๆ เราก็ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า คุยกับแม่ได้นะลูก เขาก็ไปบวชประมาณ 3 ปีค่ะ
พอแม่ถามเขาบอกว่าไง?
ลิตา : เขาบอกไม่มีอะไร จน 2 อาทิตย์ผ่านไป จนเขาโทรมาขอเงิน แล้วบอกว่าไม่ต้องโอนเข้าบัญชีพระอาจารย์นะ
ตอนเณรเรียน เขาเรียนกับพระอาจารย์รูปนี้เหรอ?
ลิตา : ตอนแรกเขาอยู่กุฏิรวมของวัดค่ะ เป็นกุฏิใหญ่ แต่พระอาจารย์จะมีห้องมีกุฏิของเขา เขาก็ชักชวนสามเณรมาอยู่กุฏิเดียวกับเขา เหมือนใครอยู่กุฏิเดียวกับพระอาจารย์จะได้อภิสิทธิ์เป็นลูกรัก เขาก็มากล่อมลูกหนูให้ไปอยู่กุฏิเดียวกับเขา เขาเริ่มล่วงละเมิด จับจุดที่ไม่ควรจับ จับของสงวน หอมแก้ม จุ๊บหน้าผาก
พอเณรเล่าแล้วแม่ทำยังไง?
ลิตา : ขึ้นเลยสิคะ ตกใจ แม่ก็โทรปรึกษาเพื่อนที่เป็นตร. ท่านนึง ปรึกษาทุกคน ปรึกษานักข่าว ปรึกษาทุกคนค่ะ เขาก็บอกว่ายังไงก็ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
เณรในกุฎินั้นมีเยอะมั้ย?
โย : ที่พักที่วัดประมาณ 40 รูปค่ะ เป็นพระปลัด และพระปกครองอยู่ในวัดนี้ค่ะ และเป็นพระอาจารย์สอนพระพุทธศาสนา ส่วนโดนกันกี่คน คุณป้าก็ไม่ทราบค่ะ แต่ที่แน่ๆ มีหลายคน และเกิดปัญหานี้มาเรื้อรังนานแล้วค่ะ ในส่วนของคนอยู่กุฏิกับพระอาจารย์จะมีห้องนอน 4 ห้อง มีประมาร 6-7 รูป นอกนั้นอยู่กุฏิรวมค่ะ ในห้องเณรมี 4 รูป เป็นเตียงสองชั้นค่ะ สภาพวัดที่ของเณร ซึ่งเป็นวัดหลวง เป็นแบบนี้นะคะ
พระรูปนี้ชื่ออะไร?
ลิตา : ชื่อพระปลัดธเนศ คงน้อย เป็นพระปลัดค่ะ สอบเปรียญ
จตุรงค์ : ได้ฐานะเป็นพระครูปลัดครับ
ลิตา : เขาเป็นคนที่ลูกศิษย์ลูกหาเยอะ และหาปัจจัยเข้าวัดเยอะ ก็เลยทำให้พระผู้ใหญ่บางท่านเขาเกรงใจ เขาเลือกเกรงใจพระปลัดคนนี้ แต่ไม่ปกป้องเณร
เณรโดนไปกี่รูป?
ลิตา : อันนี้ไม่ทราบได้ เพราะเขาค่อนข้างที่จะใช้เงินฟาดค่ะ เพราะตอนที่เขาทราบว่าแม่มาจะเอาเณรไปแจ้งความ เขาให้คนโทรเข้ามาติดต่อ ให้รับเงินค่ะ
เณรยืนยันกับแม่ว่าถูกล่วงละเมิดจริงๆ?
ลิตา : จริงๆ ค่ะ หลังจากที่เณรเล่าให้แม่ฟัง แม่ถามว่าลูกจะเอายังไง ลูกบอกว่าดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เอามันเข้าคุกให้เณร แม่อย่าไปรับเงินเขานะ ห้ามไปรับ เณรไม่ได้ยินยอมด้วยเลย แล้วก็บอกว่าเพื่อนๆ ก็โดนด้วยเหมือนกัน แต่เขาไม่กล้ามาเป็นพยานให้ เพราะถูกพระผู้ใหญ่ในวัด เจ้าอาวาสเขาช่วยกันค่ะ
โย : พระสองรูปช่วยกันสองคน ข่มขู่ กดเณรไว้ไม่ให้พูดเป็นพยาน หลังจากแม่เณรทราบแล้วว่าลูกโดนแบบนี้ ลูกต้องการเอาเรื่องจริงๆ แม่เลยไปปรึกษาพี่ผู้ใหญ่ในเมืองน่าน พี่ผู้ใหญ่ในเมืองน่านก็เลยมาปรึกษาป้า เพราะป้าเจอแบบนี้มาบ่อยว่าต้องทำยังไง ดำเนินการยังไง เป็นสเต็ป จนถึงที่มาที่ไปของการที่ป้าก็ไปเปิดอกพูดคุยกับเณร และได้รู้ข้อมูลทุกอย่างออกมา จนนำไปสู่การวางแผนดำเนินคดี เราติดต่อประสานงานหลายหน่วยงานที่ป้าเคยพอทำมา มีประสบการณ์มา ก็ดพาไปแจ้งความ ตร.ก็ส่งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แม่กับญาติพาไป ทางป้าก็ประสานไว้แล้ว เขาก็ไปรอตรวจเลย แล้วบังเอิญมีเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ คือมารดาของพระปลัดคนนี้ลื่นล้มในห้องน้ำ ก็ไปเจอจ๊ะเอ๋กันกับสามเณรที่ตรวจพอดี
คือพระปลัดไปเจอกับเณรที่รพ.?
ลิตา : ใช่ค่ะ คุณแม่รออยู่หน้าห้องตรวจ พระปลัดเดินมา หนูก็แยกย้ายสลายตัว ระหว่างนั้นเขาก็โทรเข้าเบอร์แม่ว่าเณรเป็นอะไร มาเจอเณร เขาอยากเจอแม่ แม่เลยเดินไปหาเขาที่หน้าวอร์ด
มีการตกลงกันยังไง?
ลิตา : เขาถามว่าสามเณรเป็นอะไร แม่ก็บอกว่าเณรเป็นกรดไหลย้อน ปวดท้อง คุณแม่จะกลับยังไงเดี๋ยวพระอาจารย์ไปส่งก็ได้นะ เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เราก็ปกปิดอยู่ แต่ระหว่างนั้นพระอาจารย์กับคนนึงเขาก็โทรสลับมา
โย : พอเราไปจ๊ะเอ๋กันตรงจุดตรวจ พระอาจารย์รูปนี้กับเพื่อนแม่เขาที่เป็นตร. ก็คุยประสานมา แล้ววุ่นวายว่าไปทำไม ไปแจ้งความทำไม ไปโรงพักทำไมไม่บอก แม่ก็ปัดค่ะ
สรุปพระรูปนี้ล่วงละเมิดเณร เขาติดต่อคุณมาเพื่อขอเจรจากับคุณ มีคลิปเสียงเจรจากับเพื่อนคนนึงเป็นตร. เขาว่าไง?
ลิตา : ตอนแรกที่ปรึกษาเขามีแนวคิดเดียวกันให้ดำเนินคดี แต่พอเขาไปปรึกษาใครไม่รู้ แนวคิดไปคนละทางกับคุณแม่ เขาบอกมีสองทางให้เลือก ทางที่หนึ่งคือรับเงิน ดำเนินคดีไม่ได้ ต้องพาลูกออกนอกพื้นที่ไป สองถ้าเลือกดำเนินคดี คุณจะไม่มีสิทธิ์รับเงิน คิดดีๆ นะ กำขี้ดีกว่ากำตด ตร.บอกมา ตร.ในจังหวัดน่านค่ะ เขาบอกให้แม่รับเงิน
แล้วพระรูปนั้นอยู่ไหน?
ลิตา : เขาหนีตั้งแต่วันที่เขารู้ว่ายังไงหนูก็ไม่รับเงิน
โย : ตรวจร่างกายเสร็จ 12 ก.ย. พาไปแจ้งความ ตรวจร่างกาย วันที่ 13 ไม่มีใครเห็นพระปลัดที่น่านอีกเลย
เขาเสนอเงินเท่าไหร่?
ลิตา : 7 หลักค่ะ
คือหลักล้าน?
โย : มีหลักฐานแชตค่ะ
เขาบอกจ่ายรอบแรก 6 แสน อีกวัน 4 แสน?
โย : ในนั้นคุยล่อเพื่อเอาข้อมูลว่าคนนี้ทำแบบนี้มานานแล้ว มีใครช่วยเหลือพระรูปนี้ ทำไมเรื่องนี้ไม่ดัง เขาเป็นพระที่ผู้หลักผู้ใหญ่หนุนหลังอยู่
คุณไปแจ้งความเรื่องอะไรบ้าง?
ลิตา : เรื่องโดนข่มขืน และเรื่องโดนข่มขู่โดยสามเณร บรรดาลูกรักเจ๊กาญจน์ เขาข่มขู่ลูกชาย เจอที่ไหนจะแทงที่นั่นค่ะ แม่ก็เลยพาลูกไปลงบันทึกประจำวัน ก็ไปปรึกษาท่านผอ.ว่าอยากเจอกับสามเณรพวกนี้ ทำไมถึงจะทำร้ายกันขนาดนั้น สารเณรเหล่านี้เป็นลูกรักพระค่ะ ส่วนพระปลัดหนีไปเลยค่ะ
โย : มีหมายจับด้วยค่ะ หนีไปแล้วค่ะ
เอาเงินจากวัดไปด้วยเหรอ?
โย : ตามข่าวบอกว่า 12 ก.ย. ถอนเงินไปล้านนึงค่ะ
ลิตา : หลังจากที่ออกจากรพ.มาค่ะ
เรื่องนี้คือยังไง?
จตุรงค์ : เรื่องนี้เกิดจากความยากจนของครอบครัวหลายๆ ครอบครัว เลยต้องเอาลูกไปฝากกับระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ ระบบการศึกษาคณะสงฆ์มีอยู่ 3 แบบ เปรียญธรรมแผนกสามัญ แผนกบาลี แผนกธรรม แต่โรงเรียนนี้เขาเรียกแผนกสามัญ เรียนตั้งแต่ม.1- ม. 6 เณรไปเรียนตั้งแต่ม.1 – ม. 3 แต่ระหว่างไป ไปเจอพระปลัดเป็นครูฝ่ายปกครอง เป็นพระอาจารย์ที่สอนให้โรงเรียน เป็นผู้มีอิทธิพลในวัดด้วย ก็เลยสามารถอุปถัมภ์ลูกเณรได้ แต่การดูแลอาจมีการตอบแทนอะไรบางอย่าง เช่น เรียกลูกเณรไปปรนนิบัติในห้องส่วนตัว แทนที่จะอยู่ในหอรวม อย่างนี้เป็นต้น เพราะโรงเรียนเป็นโรงเรียนกินนอน พอมีการเรียกไปส่วนตัว ใครไปห้องส่วนตัวก็จะมีสิทธิพิเศษเป็นต้น ก็ไม่ใช่ทุกคนยินยอม บางคนไม่ยินยอมก็มี อย่างลูกคุณแม่ที่ไม่ได้ยินยอม ประมาณนั้น
อยู่ในสายกับ พระครูศิรินันทวิทย์ ผอ.โรงเรียนนันทบุรีวิทยา ตกลงพระรูปนี้เขาหนีไปแล้วเหรอ?
พระครูศิรินันทวิทย์ : หนีตั้งแต่วันที่ทราบข่าวแจ้งความ ติดต่อยังไงก็ติดต่อไม่ได้เลย อยากทำความเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกรณีคาบเกี่ยวกันระหว่างวัดกับโรงเรียน เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดที่โรงเรียน แต่เกิดที่พักอาศัยของพระท่าน ก็ต้องเข้าใจก่อนว่าการบริหารเราแยกกัน วัดส่วนวัด โรงเรียนส่วนโรงเรียน ส่วนโรงเรียนมีที่พักเณร มีครูประจำดูแลตลอด ไม่มีปัญหา เราดูแลอย่างเต็มที่ แต่ส่วนของวัด การบริหารจัดการ เราไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน โรงเรียนดูแลเฉพาะในขอบเขตโรงเรียนของเรา ถึงขึ้นอยู่กับวัดก็จริง วันเวลาก็ต้องแยกแยะ พอทราบข่าวพระเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทราบข่าวปุ๊บโรงเรียนก็ได้สั่งให้หยุดทำหน้าที่ทันทีและตั้งกรรมการตรวจสอบ วันที่ 17 โน่นแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีไปหรือยังไงไม่ทราบ ติดต่อไม่ได้ ก็เลยใช้ระเบียบโรงเรียน สั่งให้พ้นจากโรงเรียน เมื่อวันที่ 21 ต.ค.
พระปลัดเอาเงินไปด้วยเหรอ?
พระครูศิรินันทวิทย์ : ทราบตามข่าวอย่างนั้น แต่โรงเรียนไม่ทราบจริงๆ เพราะเพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชนที่นำเสนอกัน ตรงนั้นต้องเป็นภาระหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการตรวจสอบ แต่ถ้าพูดถึงโรงเรียนตอนนี้ โรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจ โรงเรียนก็เพิ่มมาตรการ ให้ขวัญกำลังใจเด็ก และดูแลเต็มที่
ถือว่าขาดจากการเป็นพระหรือยัง?
พระครูศิรินันทวิทย์ : ถ้าเป็นไปตามข่าวต้องขาดแน่นอน ปราชิกแล้ว ไม่ต้องทำพิธีสึก ก็ถือว่าเป็นฆราวาสโดยอัตโนมัติ
ดูไลน์บางอัน มีการข่มขู่จากสามเณรบางรูปมาข่มขู่ลูกเขาว่าถ้าเปิดเผยแล้วบอกว่าเขาเกี่ยวข้อง เจอที่ไหนจะแทงที่นั่น แล้วก็เอารูปปืนมาโชว์ เณรเหล่านี้ยังอยู่มั้ย?
พระครูศิรินันทวิทย์ : โรงเรียนได้ดำเนินการเรียกมาพูดคุยแล้ว แต่ด้วยอารมณ์พาไป
อายุเท่าไหร่ เณรที่บอกว่าเป็นเด็ก?
พระครูศิรินันทวิทย์ : ม.ต้น ด้วยอารมณ์พาไป ความคึกคะนอง ตอนนี้ได้ปรับความเข้าใจ สัญญากันเรียบร้อยว่าไม่มีเกิดขึ้นแน่นอน โรงเรียนคุ้มครองและปรับทัศนคติอยู่ในความดูแล
วัดมีโอกาสค้นหาปืนหรือหาอาวุธบ้างมั้ย?
พระครูศิรินันทวิทย์ : ส่วนของหอพักดำเนินการเรียบร้อยแล้ว แต่ปืนไม่มี ตามคำให้การของเณร ถ่ายจากสื่ออื่นๆ เอามาประกอบ แต่จากการตรวจค้นแล้วไม่มี
เณรรูปอื่นโดนกระทำอะไรบ้าง?
พระครูศิรินันทวิทย์ : ตอนนี้ฝ่ายปกครองได้เรียกเณรที่เข้าข่ายเข้ามาดำเนินการสอบถาม จริงๆ แล้วโรงเรียนดำเนินการมาก่อนแล้ว เณรอาจเกรงกลัวไม่บอกความจริง เวลาถามก็บอกว่าไม่มีอะไร พระเลยออกแบบสอบถามให้นักเรียนทุกรูปของโรงเรียน ให้ส่งตรงถึงผู้อำนวยการโดยไม่ต้องลงชื่อว่าใครเป็นยังไง ให้บอกตามความจริงทั้งหมด โรงเรียนก็ให้ความคุ้มครอง ซึ่งเด็กก็ไม่กล้าเปิดเผยอีก ตอนนี้ถือว่าในการดูแลสามเณรเพิ่มความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้น
ท่านได้สอบพระปลัดก่อนไปมั้ย?
พระครูศิรินันทวิทย์ : ตอนเกิดเรื่องปุ๊บท่านหนีไปเลย ไม่ทราบเลยว่าอยู่ที่ไหน ติดต่อไม่ได้เลย
เจ้าอาวาสเห็นว่าไปร่วมมือ เห็นพ้องต้องกันกับพระปลัดที่หนี?
พระครูศิรินันทวิทย์ : ถ้าตรงนี้ต้องขออนุญาต ถ้าข้องเกี่ยวกับวัด ทางโรงเรียนไม่สามารถไปก้าวล่วงได้
พระอาจารย์อยู่ในวัดนี้?
พระครูศิรินันทวิทย์ : ไม่ๆ อยู่อีกวัดนึง แต่มาเป็นผู้อำนวยการ ไม่ได้อยู่วัดนี้ แต่ตามขั้นตอน เรื่องการสงฆ์ ท่านที่หนีไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส อันดับแรกเจ้าอาวาสต้องเป็นผู้ดำเนินการ
มีหมายจับแล้ว แบบนี้ถือว่าพ้นจากการเป็นพระมั้ย?
จตุรงค์ : ขาดแล้วครับ ตั้งแต่นาทีแรกที่เขาจรดอวัยวะลงไปแล้ว
ลิตา : 2 ปีที่ลูกหนูโดนล่วงละเมิด เหมือนตกนรกทั้งเป็น อยู่ในนั้น วัดแทนที่จะเป็นเซฟโซนให้สามเณร แต่วัดกลายเป็นสถานที่อันตรายที่สุด จริงๆ ไม่เกี่ยวกับวัด เกี่ยวกับคนที่อยู่ในวัด เป็นสิ่งที่แม่อยากดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนเจ้าอาวาส คุณบอกว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบของโรงเรียน แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมา คุณไม่เคยปกป้องสามเณรเลย คุณปกป้องแต่ผลประโยชน์ ปกป้องคนทำผิด รู้ทั้งรู้ กลับไปจะดำเนินคดีค่ะ กับอีกคนที่เป็นคนดูแล อาวุธที่ค้นเจอในกุฏิพระ บอกให้ถ่ายรูปส่งมาให้ แต่ไม่ได้ส่ง เดี๋ยวเจอ
เจ้าอาวาสเอาแต่ผลประโยชน์เหรอ?
โย : เจ้าอาวาสวัดดังเมืองน่าน เป็นคนที่ปกป้องพระปลัดคนนี้อยู่ พอเราไปขอความร่วมมือ เขาก็ไม่ให้ควาสมร่วมมือทั้งสิ้น ไล่เราบอกว่าไปติดต่อที่โรงเรียนทางนี้ไม่เกี่ยว ทั้งที่การขู่ฆ่าเป็นในเวลากลางคืน ซึ่งไม่เกี่ยวกับโรงเรียนแล้ว ทัวร์ไปลงโรงเรียนซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่
ต้องแยกให้ออกก่อนนะ เรื่องที่เกิดมีสองส่วน ส่วนนึงคือโรงเรียน อีกส่วนคือกุฏิในวัด ทางโรงเรียนถูกวัดอ้างว่าให้ไปเคลียร์ที่โรงเรียน เพราะเรื่องเกิดในโรงเรียน แต่พระครูศิรินันทวิทย์ ผอ.โรงเรียน บอกว่ามันไม่ใช่ที่โรงเรียน มันอยู่ที่วัดโน่น เพราะกุฏิอยู่ในวัด เวลาไปทำอะไรกันก็ทำอยู่ในวัด ทำไมมาโยนขี้ให้โรงเรียน ทีนี้พระครูศิรินันทวิทย์บอกว่าพระรูปนั้นหนีไปแล้ว?
ลิตา : เหลืออีก 2 รูปค่ะ
โย : พระที่มีพฤติกรรมแบบนี้ โดยเจ้าอาวาสไม่ให้ความร่วมมือเรื่องคดีใดๆ พอมาถึงเคสนี้ที่แจ้งความเกิดขึ้น ก็เป็นที่มาที่ไปวงการสงฆ์เมืองน่านตื่นตัว ผู้ใหญ่ไฟเขียวให้มีการล้างบางเกิดขึ้น เพื่อที่จะเอาคนชั่วหรืออลัชชีออกจากวงการศาสนา ต้องแยกด้วยค่ะ เราจะเอาคนชั่วออกไป คนชั่วไม่ได้มีแค่คนเดียวคนนี้ แต่ยังมีอีกหลายๆ คนที่ทำกับเณร
เห็นว่ามีการไปรู้ข้อมูลมาบางอย่าง พระไปตรวจแล้วเจอหนองในเหรอ?
โย : กลุ่มแก๊งพระปลัดค่ะ เขามีกันหลายคนในนั้น มีพฤติกรรมตุ๋ยเณรอยู่ในนั้น และติดโรคหนองใน
ลิตา : เขาปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่ค่ะ
จตุรงค์ : ในฐานะเป็นที่ปรึกษามูลนิธิเอชไอวีเอเชีย เราเจอปรากฎการณ์แบบนี้จริงๆ คือโรงเรียนบาลี พอเป็นพระและเณรที่เป็นวัยกำลังคึกคะนองก็เจอปัญหานี้ เจอโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อันนี้ผมยืนยันว่าไม่ได้เกินเลย บางทีก็ต้องถามเหมือนกัน ว่าเราต้องถวายสังฆทานให้ถุงยางด้วยมั้ย หรือถวายเจลหล่อลื่นด้วยมั้ย ถ้าผมเอาไปถวายเดี๋ยวจะหาว่าจตุรงค์ไปส่งเสริมให้พระทำอะไรกัน แต่นี่คือข้อเท็จจริง พออยู่ในวัยคึกคะนอง เราเฝ้าระวังไม่ได้ไง
อันนี้น่าคิด?
จตุรงค์ : เขาไปซื่อของพวกนี้ไม่ได้ อยู่ๆ จะให้เณรไปซื้อของเซเว่น เอาถุงยางกล่องก็ดูตลก
อาจารย์จะบอกว่าให้เราถวายสังฆทานแล้วใส่ถุงยางเหรอ?
จตุรงค์ : ผมประชด แต่มันมีจริงๆ เรื่องแบบนี้ จากประสบการณ์ในการทำงานของผม เราก็เจอประเด็นแบบนี้เหมือนกัน
โย : ป้าถึงอยากให้มีการล้างบาง วอนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดูตรงนี้นิดนึง เพราะไม่อยากให้เณรคนต่อไปต้องมาโดนอะไรแบบนี้อีก ต้องเป็นโรคติดต่อแบบนี้อีก ขอผู้ใหญ่ออกมาเมตตาเด็กๆ เถอะค่ะเพื่อให้วัดเป็นเซฟโซนของเด็กผู้ชาย
จตุรงค์ : อยากฝากเจ้าคณะปกครอง คณะสงฆ์ในจังหวัดน่าน โดยเฉพะท่านครูพิทักษ์ ท่านเพิ่งเข้ามาทำงาน อย่าทอดทิ้งงานนะ อย่ามาอ้างว่าส่วนโรงเรียนส่วนวัด เพราะยังไงคนทั้งประเทศไทยก็เข้าใจว่านี่คือส่วนโรงเรียนวัดพระธาตุช้างค้ำ ต่อให้คุณเปลี่ยนชื่อกี่โรงเรียน มันคือโรงเรียนในที่วัด ดังนั้นผมบอกตรงๆ เจ้าคณะปกครองของอำเภอเมืองน่านควรออกมารับผิดชอบ เพราะยังไงซะโรงเรียนนี้คือที่วัด ประวัติศาสตร์นี้เป็นโรงเรียนวัดพระธาตุช้างค้ำ อย่าปฏิเสธว่าเป็นเขตวัดเป็นเขตโรงเรียน มันไม่ได้ ยังไงก็อยู่ในรั้วของวัด อย่าปฏิเสธความรับผิดชอบ ถ้าเป็นสมัยเจ้าอาวาสรูปที่แล้ว ผมว่าไม่มีปัญหานี้หรอก แต่บังเอิญเจ้าอาวาสรูปใหม่เขาดูมีความเกรงใจพระกาญจน์พอสมควร
เขาเป็นพระดังมากเหรอ?
จตุรงค์ : สำหรับผมเขาไม่ได้ดัง เพียงแต่เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครอง เขาทำงานวิชาการได้ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่ดี สนองงานได้ หาเงินเข้าวัด ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าอาวาสเองไม่ได้มีความเก่งเหมือนท่านกาญจน์หรือท่านปลัด ต้องยอมรับตรงนั้น ดังนั้นไม่แปลกที่อยู่ๆ ท่านปลัดกาญจน์ถึงเอาเงินออกไปได้ล้านนึง ถ้าเจ้าอาวาสมีอำนาจพอ เงินจะไม่กระเด็นไปสู่มือคนอื่นได้ แต่การที่พระกาญจน์สามารถออกไปพร้อมเงิน 1 ล้าน แสดงว่าเขาเข้าถึงเงิน ต้องถามประชาชน จะให้มูลนิธิเอชไอวีเอเชีย เอาถุงยางไปแจกตามวัดได้แล้วหรือยัง เพราะมันมีแบบนี้จริงๆ
ลิตา : อีกอย่างที่อยากฝาก คนเป็นผู้เสียหายเหมือนกับแม่แล้วไม่กล้าแจ้งความ ทักมาหาคุณแม่ได้เลย ที่อินบ็อกเฟซบุ๊ก
เรื่องนี้สำนักพุทธเข้าไปเกี่ยวได้มั้ย?
จตุรงค์ : ผมว่าเป็นหน้าที่เขาเลย แต่เห็นบทบาทสำนักพุทธจังหวัดน่านครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ข่าวออกมาหลายวันแล้ว แต่สำนักพุทธส่วนกลาง และสำนักพุทธจังหวัดน่านออกมาเคลื่อนไหวอะไรบ้างล่ะครับ
สำนักพุทธติดต่อมาหรือยัง?
ลิตา : ไม่ค่ะ แม่ไม่เคยติดต่อสำนักพุทธ เขาก็ไม่เคยติดต่อมา
โย : เรื่องออกจะดัง เขาก็ไม่เคยติดต่อมาค่ะ
จตุรงค์ : ยืนยันแล้วนะว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายสำนักพุทธ สำนักพุทธทำงานกันแบบไหนให้เจ้าทุกข์เขาพูดกันเอาเอง
ลิตา : หนูยังไม่รู้เลยว่าสำนักพุทธจังหวัดน่านอยู่ตรงไหน
แจ้งไปทางพี่อนันต์ชัย ทนายกองทัพธรรม แล้ว ตอนนี้พระปลัดเอาเงินไป 1 ล้าน หนีหายไป ตอนนี้เขาออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว เราเป็นห่วงกลัวท่านไม่รู้ตัว แบบนี้วัดรับไปอยู่ได้มั้ย?
จตุรงค์ : ไม่ควรรับเข้าสังกัดแล้ว เพราะสุ่มเสี่ยง ยกเว้นไปขึ้นศาลแล้วศาลอนุมัติให้ประกันตัว มีคำสั่งศาลลงมาก็อาจอนุโลมได้ แต่ถ้ายังไม่เข้าสู่กระบวนการอย่างนี้อย่าเสี่ยงดีกว่า