ไม่เหนือความคาดหมายเมื่อ น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ควงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ร่วมแถลงข่าวจับมือขั้วการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยมีคำแถลงดังนี้
คำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย
พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่
พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้
1. ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ
2. จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร.
3. ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง
4. จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
5. การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
หลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้
7 สิงหาคม 2566
ด้านหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “ขอบคุณพรรคภูมิใจไทยที่มาร่วมหารือ สำหรับเงื่อนไขพรรคภูมิใจไทย 3 ประการหลักนั้น ทางพรรคเพื่อไทยรับได้ ซึ่ง 212 เสียง ถือเป็นเสียงตั้งต้นที่จะจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
จากนั้นได้อ่านคำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น”
ขณะที่นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า “การเดินทางมาพรรคเพื่อไทยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ต้องขอขอบคุณผู้บริหารพรรคเพื่อไทยที่ได้เชิญมาหารือเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้ตอบรับคำเชิญจัดตั้งรัฐบาล ที่สืบเนื่องจากการหารือครั้งแรก โดยพรรคภูมิใจไทยได้ยืนยันไปแล้วว่า ทางพรรคไม่ขัดข้องที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย บนหลักการ 3 ประการ คือ 1.ไม่แตะต้อง ม.112 ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไข หรือเรื่องอื่นๆ 2.ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย 3.หากรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ในส่วนพรรคภูมิใจไทยต้องไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
โดยวันนี้ได้รับทราบจากพรรคเพื่อไทยว่าแนวทาง 3 ประการนี้ ทางพรรคเพื่อไทยก็เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป เพื่อให้การบริหารแผ่นดินเดินหน้าต่อไป ทางพรรคภูมิใจไทยได้ให้คำยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่า ณ ขณะนี้หากยังไม่ได้เชิญพรรคอื่นมาหารือ ก็ขอให้ถือว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มี 212 เสียง คือ มี 141 ของพรรคเพื่อไทย บวกกับ 71 เสียง ของพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้ไปเชิญพรรคอื่นๆ ตามดุลพินิจของพรรคเพื่อไทย และเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับพรรคอื่นๆ ว่าขั้วนี้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา ดังนั้นหากได้สัญญาณที่พร้อมแล้วจากพรรคเพื่อไทย ก็จะร่วมกันหาเสียงสนับสนุนจากทั้งฝั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ทางพรรคภูมิใจไทยต้องปฏิบัติตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ผ่านการคัดเลือกของรัฐสภาตามวันและเวลาที่รัฐสภากำหนด”
ทั้งนี้หลังการแถลงข่าวร่วมกันระหว่างสองพรรคในการจับขั้วรัฐบาลในครั้งนี้ มีมวลชนจากกลุ่มทะลุวัง เดินทางมายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย สถานที่แถลง พร้อมเคลื่อนไหวตรวจสอบหาแกนนำทั้งสองพรรค จากรถต่างๆ แต่รถแกนนำทั้งสองพรรคได้ออกจากพรรคไปแล้วก่อนหน้านี้