กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยพบประชาชนร้อยละ 34 มีปัญหาระบบทางเดินหายใจจากการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 ห่วงกลุ่มเสี่ยง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เฝ้าระวังและป้องกันตนเองจากผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก พร้อมย้ำลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง
แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่าเนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝนและจะเข้าฤดูหนาว มีแนวโน้มความกดอากาศที่สูงขึ้น อากาศไม่ถ่ายเท จะทำให้ฝุ่นละอองสะสมและเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ จากรายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ของศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 พบว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ตรวจวัดได้ 24.6 – 55.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) สำหรับภาคอื่นๆ ภาพรวมยังไม่เกินค่ามาตรฐาน และจากการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 จะอยู่ในระดับสีส้มอีก 1-2 วัน เนื่องจากสภาพอากาศนิ่ง จากข้อมูลเฝ้าระวังการรับสัมผัสฝุ่น PM2.5 เชิงรุกผ่านทางเว็บไซต์ 4Health ในต้นปีที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝุ่น ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 พฤษภาคม 2566 พบว่า ร้อยละ 77 ประชาชนมีอาการที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัส PM2.5 โดยอาการที่พบมากสุด คือ ระบบทางเดินหายใจร้อยละ 35 รองลงมาระบบตาร้อยละ 32 รองลงมา คือ ระบบหู คอ จมูก ร้อยละ 19 ระบบผิวหนังร้อยละ 9 และระบบหัวใจและหลอดเลือด ร้อยละ 5 ตามลำดับ และยังพบว่า เดือนมกราคมและเมษายน 2566 ที่ประชาชนมีอาการจากการรับสัมผัส PM2.5 มากที่สุด” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้ปรับปรุงค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM2.5 ในบรรยากาศ เฉลี่ย 24 ชั่วโมง จากเดิม 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็น 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รวมถึงปรับระดับการแจ้งเตือนความเสี่ยงต่อสุขภาพ ส่งผลให้การเฝ้าระวังและการแจ้งเตือน รวมถึงการดูแลสุขภาพประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคำแนะนำในการปฏิบัติตน ในแต่ละระดับสีของฝุ่น PM2.5 ดังนี้ 1) สีฟ้า ระดับดีมาก (0 – 15 มคก./ลบ.ม) ประชาชนทุกคนสามารถ ทำกิจกรรมได้ตามปกติ 2) สีเขียว ระดับดี (15.1 – 25 มคก./ลบ.ม.) ประชาชนทั่วไปสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ สำหรับกลุ่มเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง และเฝ้าระวังสุขภาพตนเอง 3) สีเหลือง ระดับปานกลาง (25.1 – 37.5 มคก./ลบ.ม.) ประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และเฝ้าระวังสุขภาพตนเอง กลุ่มเสี่ยงควรลดระยเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นทุกครั้งเมื่ออยู่กลางแจ้ง และผู้มีโรคประจำตัวควรเฝ้าระวังสุขภาพตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
4) สีส้ม ระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (37.6 – 75 มคก./ลบ.ม.) ประชาชนทั่วไป ควรลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นทุกครั้งเมื่ออยู่กลางแจ้ง กลุ่มเสี่ยงควรลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และสังเกตตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ และผู้มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม และ5) สีแดง ระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (75.1 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป) ประชาชนทุกคน งดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง อยู่ในห้องปลอดฝุ่น สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นทุกครั้งเมื่ออยู่กลางแจ้ง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์