แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ครอบคลุมเกือบ 5.5 ล้านคน “เศรษฐา”ขีดเส้นผู้รับสิทธิรายได้น้อยกว่า 7 หมื่นบาท!!

เอาจริงแจกจริง!! เงินดิจิทัล 10,000 บาท “เศรษฐา”ย้ำ เกณฑ์รายได้ผู้มีสิทธิ อายุ 16 ปี ไม่เกิน 7 หมื่นบาท เงินฝากน้อยกว่า 5 แสน ครอบคลุมคนไทย กว่า 5.5 ล้านคน 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยสรุปว่า โครงการดังกล่าว จะให้ประชาชนทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปอย่างเท่าเทียมกัน รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 54.8 ล้านคน โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ประชาชนเป็นหัวใจหลัก เป็นกลไกที่สำคัญการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะเติมเงินในระบบเศรษฐกิจ รวม 600,000 ล้านบาท และอีก 100,000 ล้านบาท ในกองทุนเพิ่มขีดความสามารถ และยังต้องผ่านกระบวนการตามกฎหมายก่อนที่จะสรุป และต้องมีมติของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแนวทางในการประชุมเบื้องต้นจะเริ่มต้นจาก คนที่มีรายได้มากกว่า 70,000 บาท  แต่มีเงินฝากน้อยกว่า 500,000 ก็จะไม่ได้รับสิทธิ หรือรายได้น้อยกว่า 70,000 บาท  แต่เงินฝากมากกว่า ก็จะไม่ได้รับสิทธิ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระหว่าแถลงโครงการเงินดิจิทัล ที่ทำเนียบรัฐบาล

ส่วนการใช้จ่ายนั้น สามารถจะใช้ ในระดับอำเภอ มีระยะเวลาใช้จ่ายก้อนแรกภาย 6 เดือน สามารถซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคได้เท่านั้น ซื้อบริการไม่ได้ แลกเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้ ซื้อทองเพรชพลอย หรือนำไปชำระหนี้ไม่ได้ ร้านค้าไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ร้านค้าที่สามารถขึ้นเป็นเงินสดได้ต้องเป็นร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น

นอกจากนี้ รัฐบาลจะออกโครงการลดหย่อนภาษีให้คนไทยสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคล จากการซื้อสินค้า-บริการมูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท หรือ e-Refund โดยใช้ใบกำกับภาษีมาประกอบยื่นภาษีบุคคล และรัฐจะคืนเงินภาษีให้ ดังนั้นคนที่ไม่ได้รับสิทธิดิจิทัลวอลเล็ต ก็สามารถเข้าร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการนี้ได้ และจะทำให้ร้านค้าเข้าระบบภาษีดิจิทัลมากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นโยบายทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อประเทศ 2 ด้าน คือกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในระยะสั้น โดยมีประชาชนทุกภาคส่วนเป็นกลไกที่สำคัญ ผ่านการบริโภคและการลงทุน วางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อนำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและ E-Government ซึ่งเป็นการวางและแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศในระยะยาว

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียืนยันว่า นี่ไม่ใช่สงเคราะห์ ประชาชนผู้ยากไร้ แต่เป็นการเติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจแทนสิทธิการใช้จ่าย ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ยังรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐทุกประการ  ขอให้ประชาชนทุกคนที่ได้รับสิทธิร่วมกันใช้จ่ายด้วยความภาคภูมิใจ  โดยทุกคนล้วนเป็นผู้ร่วมสร้างการเจริญเติบโตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศของเรา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *