กรมทรัพย์สินทางปัญญาลงพื้นที่ ปั้นมาตรฐานสินค้า GI เชียงราย 8 รายการ

กรมทรัพย์สินทางปัญญาลงพื้นที่แหล่งผลิต ตรวจรับรองคุณภาพสินค้า GI เชียงราย พร้อมสนับสนุนโอกาสทางการตลาดแก่สินค้า GI แปรรูป

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา (นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์) มอบหมายให้รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา (นางสาวกนิษฐา กังสวนิช) นำทีมลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ร่วมพบหารือเกษตรกร “กาแฟดอยช้าง” พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาด “สับปะรดภูแลเชียงราย”GI ของเชียงราย เพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูป

นางสาวกนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า “กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีภารกิจสำคัญทั้งด้านการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ด้านรักษาควบคุมคุณภาพ และด้านส่งเสริมการตลาด โดยสำหรับสินค้าที่มีศักยภาพในตลาดต่างประเทศ กรมฯ จะผลักดันให้ได้รับการตรวจรับรองระบบควบคุมตรวจสอบสินค้า GI ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI และความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น”

“ปัจจุบันจังหวัดเชียงราย มีการขึ้นทะเบียนสินค้า GI ทั้งสิ้น 8 สินค้า ได้แก่ กาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง ชาเชียงราย สับปะรดภูแลเชียงราย สับปะรดนางแล เครื่องเคลือบเวียงกาหลง ข้าวก่ำล้านนา และข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย ซึ่งล้วนเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะ “กาแฟดอยช้าง” ที่ขึ้นทะเบียน GI ในสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี 2558 และล่าสุดขึ้นทะเบียน GI ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2566 และที่ผ่านมาสามารถสร้างมูลค่าทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 38.5 ล้านบาท/ปี

โดยครั้งนี้ กรมฯ ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ร่วมกับหน่วยตรวจรับรอง (Certification Body) ที่ได้รับการรับรองระบบตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือมาตรฐาน ISO 17065 : 2012 เพื่อตรวจรับรองระบบควบคุมตรวจสอบสินค้ากาแฟดอยช้างให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ในด้านการส่งเสริมการตลาด การรักษาควบคุมคุณภาพสินค้า และการป้องกันการละเมิดให้กับสินค้ากาแฟดอยช้างอีกด้วย” รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าว

นอกจากนี้ ได้พบหารือคุณอำนาจ ตันตระกูล ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกสับปะรดอำเภอเมืองเชียงราย (สวน ต.ตระกูล) เกี่ยวกับสถานการณ์การจำหน่ายสับปะรดในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้ผลิตสับปะรดภูแลเชียงรายและสับปะรดนางแลแล้ว ยังได้นำสินค้า GI ดังกล่าวไปต่อยอดสร้างโอกาสทางการตลาด และเป็นจุดเริ่มต้นในการเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปเป็นซอสพริกสับปะรดภูแล สอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทร ศรีสรรพางค์) ที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GIผ่านการต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในมิติต่างๆ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูแลเชียงรายอย่างยั่งยืนต่อไป

นางสาวกนิษฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรมฯ จะเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยมีตราสัญลักษณ์ GI ไทย เป็นเครื่องยืนยันคุณภาพและมาตรฐานสินค้าจากแหล่งพื้นที่เพาะปลูกโดยตรง โดยผลักดันสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI แล้ว เข้าสู่ระบบควบคุมตรวจสอบคุณภาพสินค้าเพื่อรักษามาตรฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ GI ที่สนใจจัดทำระบบควบคุมคุณภาพ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร.1368”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *