“นภินทร” ติดอาวุธผู้ประกอบการโคนม ขยายส่งออกด้วย FTA เตรียมนำ SME ไทยบุก “ตลาดนม” ในจีน พ.ค.นี้ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ตั้งเป้าปักหมุดนมแบรนด์ไทยในตลาดต่างประเทศ

“รมช.พาณิชย์” เปิดโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” ปีที่ 6 ติวเข้มสหกรณ์โคนมและผู้ประกอบการ ให้เตรียมพร้อมใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายส่งออกไปตลาดจีน พร้อมนำคณะผู้ประกอบการเดินทางไปสำรวจตลาดโมเดิร์นเทรด และจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ เดือนพฤษภาคมนี้

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 ณ ห้องมโนปกรณ์นิติธาดา กระทรวงพาณิชย์ ว่า กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายในการส่งเสริมพัฒนา และยกระดับขีดความสามารถและศักยภาพผู้ประกอบการ SME ให้มีความพร้อมในการแข่งขัน โดยมีเป้าหมายเร่งผลักดันธุรกิจ SME ให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 ต่อ GDP ภายในปี 2570 เนื่องจากธุรกิจ SME เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของไทย อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับสินค้านม เนื่องจากเป็นหนึ่งในสินค้าที่ไทยจะต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับการแข่งขันในโลกการค้าเสรี โดยเฉพาะที่ต้องเปิดตลาดให้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในปี 2568 จึงได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ดำเนินโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” โดยจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เพื่อช่วยติดอาวุธความรู้ให้เกษตรกร สหกรณ์โคนมและผู้ประกอบการนมโคแปรรูป เตรียมความพร้อมใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคแปรรูปให้ไทยเหลือร้อยละ 0 แล้ว พร้อมทั้งผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปตลาดจีน โดยใช้ FTA อาเซียน-จีน ลดต้นทุนผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้

การดำเนินโครงการในปีนี้ ได้ปรับรูปแบบกิจกรรมให้สอดรับกับยุค Digital Commerce ทั้งการทำตลาดออนไลน์และออฟไลน์ การทำ Live Sale การนำสินค้าวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเถาเป่าในตลาดจีน และการนำผู้ประกอบการเดินทางไปสำรวจตลาดและจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าที่ตลาดจีน สิงคโปร์ และกัมพูชา ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการและสามารถขยายการส่งออกนมโคแปรรูปไปตลาดการค้าเสรี ซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรมด้วยมูลค่าการส่งออกมากกว่า 300 ล้านบาท และพัฒนาผู้ประกอบการเป็นผู้ส่งออกได้สำเร็จ รวมทั้งปักหมุดนมแบรนด์ไทยในตลาดต่างประเทศ โดยกรมฯ ได้คัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 20 ราย อาทิ ผู้ผลิตสินค้านม UHT นมอัดเม็ด โยเกิร์ต และไอศกรีมที่มีศักยภาพ มีคุณภาพและมาตรฐานรับรอง อาทิ อย. ฮาลาล GMP Est.No. และ GACC จากผู้ประกอบการสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะเข้าร่วมกิจกรรมอบรมบูธแคมป์ ติวเข้มเรื่อง FTA การค้าระหว่างประเทศ กฎระเบียบการค้ามาตรฐานสินค้าเพื่อส่งออก กลยุทธ์การสื่อสาร การทำตลาดออนไลน์และออฟไลน์ในจีน รวมถึงการเขียนแผนธุรกิจ และจะคัดเลือกผู้ประกอบการ 10 รายสุดท้าย ไปสำรวจตลาดและจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้า ผู้กระจายสินค้า และโมเดิร์นเทรด ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือนพฤษภาคมนี้

ปัจจุบันไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ในปี 2566 ไทยส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมสู่ตลาดโลก มูลค่า 648.6 ล้านดอลลาห์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 9.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาเซียน (กัมพูชา สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ เมียนมา สิงคโปร์) จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และกานา สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ นมและครีมจืด นมยูเอชที นมถั่วเหลืองที่มีนมผสม นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าว จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสหกรณ์โคนมและผู้ประกอบการนมโคแปรรูปศักยภาพของไทย ในการประชาสัมพันธ์สินค้านมไทยที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายให้เป็นที่รู้จัก และขยายการส่งออกไปตลาดจีนที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน มีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการบริโภคสินค้านม

“กระทรวงพาณิชย์มุ่งมั่นผลักดันให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตรวจสอบที่มาได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และการช่วยหาตลาดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ ผลผลิตที่ออกมามีตลาดรองรับที่แน่นอนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก FTA 15 ฉบับ 19 ประเทศ เป็นเครื่องมือขยายการส่งออก พร้อมกับเชื่อมโยงสินค้าท้องถิ่นกับห่วงโซ่อุปทานในตลาดโลก” นายนภินทร กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *