ข่าวดี ! สหรัฐอเมริกาปลดกุ้งไทยออกจาก Blacklist การใช้แรงงานเด็ก ยันการแก้ไขกฎหมายประมงใหม่ไม่กระทบต่อการใช้แรงงานในอุตสาหกรรมประมง

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับรายงานจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน.ดี.ซี. ว่า ขณะนี้สหรัฐอเมริกาได้ออกรายงาน Findings on the Worst Forms of Child Labor (TDA Report) ได้ถอดถอนรายการสินค้ากุ้งจากประเทศไทยออกจากบัญชีรายชื่อประเทศที่มีการใช้แรงงานเด็ก หรือ TVPRA และ EO Lists แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 – 2566 ประเทศไทยมีความพยายามในการดำเนินการตรวจสอบกิจการประมงและกุ้งเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและแรงงานภาคบังคับอย่างต่อเนื่อง โดยมีการตรวจแรงงานเชิงรุกและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตกุ้งและกิจการที่เป็นห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ – ปลายน้ำ มีการกำกับดูแลการใช้แรงงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย และนำมาตรฐานแรงงานไทยและแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดีไปใช้ในการบริหารกิจการ จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและแรงงานภาคบังคับร่วมกับ 12 องค์กรภาคเอกชน เพื่อกำกับดูแลแรงงานข้ามชาติและขจัดการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้านแรงงาน และได้จัดทำรายงานสถานการณ์แรงงานเด็กและแรงงานภาพบังคับในสินค้ากุ้ง และปลา เพื่อเสนอปลดรายการสินค้าไทยจากบัญชี Blacklist ของสหรัฐอเมริกา

ด้วยความพยายามดังที่กล่าวมานี้ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกาได้ประกาศถอดถอนสินค้ากุ้งของไทยออกจาก TDA Report เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดี ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกายังคงจัดลำดับให้ประเทศไทยอยู่ในรายชื่อประเทศผู้ผลิตสินค้ากุ้งโดยใช้แรงงานบังคับที่เป็นผู้ใหญ่ และมีการเพิ่มรายการสินค้าไทยซึ่งมีการผลิตโดยใช้แรงงานบังคับอีก 3 รายการ ได้แก่ ปลาป่น (Thailand Fishmeal) น้ำมันปลา (Thailand Fish Oil) และอาหารสัตว์ (Thailand Animal Feed) ก็ตาม ก็มิได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปสหรัฐอเมริกา เนื่องจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุชัดเจนว่า การจัดทำบัญชี TDA Report เป็นความพยายามของสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นให้ประเทศคู่ค้ามีการแก้ไขปัญหาแรงงานเด็กและแรงงานบังคับ ไม่ได้ส่งผลต่อการคว่ำบาตรทางการค้า แต่เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของประเทศไทยในการดำเนินการด้านแก้ไขปัญหาแรงงานภาคการประมงอย่างเข้มแข็ง กรมประมงจะบูรณาการในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ประกอบการด้านการผลิตปลาป่น น้ำมันปลา และอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอาหารกุ้ง เพื่อตรวจสอบข้อมูลและอุดช่องว่างที่สหรัฐยังมีข้อกังวลในการใช้แรงงานบังคับกับอุตสาหกรรมการผลิตสินค้า 3 รายการดังกล่าวต่อไป
ส่วนข้อกังวลในเรื่องของการค้านั้น จากสถิติการส่งออกปลาป่น น้ำมันปลา และอาหารสัตว์ไปสหรัฐอเมริกา มีปริมาณน้อยมาก

โดยระหว่างปี พ.ศ. 2563 – 2566 มีการส่งออกอาหารสำหรับเลี้ยงกุ้ง 48 – 153 ตัน มูลค่า 17.5 – 51 ล้านบาท/ปี และไม่มีการส่งออกปลาป่น และน้ำมันปลาไปสหรัฐฯ แต่อย่างใด อีกทั้ง การปรับปรุงแก้ไขพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ซึ่งตามร่างฯ เป็นการยกเลิกมาตรา 10/1 มาตรา 11 และมาตรา 11/1 ที่เป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวกับแรงงานที่ทำงานในโรงงานประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับสัตว์น้ำ ซึ่งปัจจุบัน พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. 2562 กฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ. 2565 พระราชกำหนดบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ที่เป็นกฎหมายหลักมีผลบังคับใช้ที่รองรับการคุ้มครองแรงงานในโรงงานครบถ้วนอยู่แล้ว ดังนั้น การยกเลิกบทบัญญัติดังที่กล่าวในกฎหมายประมง จึงเป็นการช่วยลดความซ้ำซ้อนของกฎหมายและก่อให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้บังคับ ทั้งนี้ ในการปรับปรุงแก้ไขพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ดังกล่าวไม่ได้มีการแก้ไขบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองแรงงานในเรือประมงแต่อย่างใด การนำเรื่องการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายประมงไปเชื่อมโยงกับ TDA Report จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยกรมประมงร่วมกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย พร้อมจะให้ข้อเท็จจริงต่อประเทศคู่ค้า และผู้เกี่ยวข้องต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *