การรถไฟไทย – ลาว ประชุมติดตามความคืบหน้าหลังลงนามความร่วมมือในการขยายขีดความสามารถการขนส่งและโดยสารระหว่างประเทศ

การรถไฟไทย – ลาว ประชุมติดตามความคืบหน้าหลังลงนามความร่วมมือในการขยายขีดความสามารถการขนส่งและโดยสารระหว่างประเทศ “วีริศ” ย้ำ ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ การรถไฟฯ พร้อมผลักดันการขนส่งทางรางร่วมกับจตุภาคี เพื่อหนุนไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียน

​นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้องปฏิบัติการ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ให้การต้อนรับและประชุมหารือกับนายดาวจินดา สีหาราด ผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว พร้อมคณะ ถึงความคืบหน้าภายหลังลงนาม “บันทึกการดำเนินการด้านเทคนิคสำหรับการขนส่งสินค้าทางรถไฟ” เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ในการขยายขีดความสามารถการขนส่งและโดยสารทางรถไฟข้ามแดนไทย – ลาว เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น และพร้อมให้ความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานทุกด้านร่วมกับจตุภาคี เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งทางรางได้อย่างไร้รอยต่อ

​ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันบริหารจัดการขบวนรถสินค้าระหว่างประเทศ ให้ถึงเป้าหมายไป-กลับ 14 ขบวนต่อวัน เพื่อรองรับความต้องการและถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางราง และสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงจะพิจารณาเพิ่มจำนวนการขนส่งให้มากขึ้นในอนาคตอีกด้วย

ส่วนด้านการโดยสาร การรถไฟฯ จะเพิ่มตู้โดยสาร รถนั่ง/นอนปรับอากาศ จำนวน 1 ตู้ พ่วงไปกับขบวนรถเร็วที่ 133/134 เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่เปิดให้บริการจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนผู้ใช้บริการกว่า 13,000 คน

นอกจากนี้ การรถไฟฯ จะมอบแคร่ที่ปลดระวางให้กับรถไฟลาว เพื่อนำไปปรับปรุงและใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างสถานีท่านาแล้ง ถึงสถานีหนองคายด้วย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียน

​“ความร่วมมือระหว่างประเทศ ถือเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งการรถไฟฯ ยินดีที่จะสนับสนุนการดำเนินงานในทุกด้าน เพื่อเร่งผลักดันการขนส่งทางรางร่วมกับจตุภาคี ให้เชื่อมโยงได้อย่างไร้รอยต่อ เพราะจะช่วยเสริมศักยภาพโครงข่ายคมนาคมทางรางให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศในภูมิภาคนี้ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต.” นายวีริศ กล่าว

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *