พี่โป่ง : ครับ ประมาณสัก 10-15 งานต่อเดือน
ตอนนี้ น้องแองจี้ มาเป็นศิลปินแล้วในอายุ 20 ปี แต่จริงๆ น้องแองจี้ เริ่มเข้าวงการตั้งแต่อายุ 13-14 ปี?
แองจี้ : ตอนแรกเริ่มจากการเป็นนักร้อง ตอนนั้นอยู่ในกามิกาเซ่ จริงๆ ชอบร้องเพลง ชอบเต้นตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อก็จะเปิดให้ฟังตลอด เหมือนโตมากับดนตรี
พอน้องแองจี้ เข้าวงการ ก็มีคนมองว่าใช้เส้นสายคุณพ่อ คุณพ่อเป็นนักร้องถึงได้เข้าไป เวลาที่ได้ยินอะไรแบบนี้ แองจี้รู้สึกยังไง?
แองจี้ : รู้สึกว่ามันคงเป็นเรื่องปกติที่คนจะคิดแบบนั้นด้วยความที่เราเป็นลูกพ่อ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ ด้วยความที่เราเป็นลูกพ่อ สำหรับหนูรู้ว่าเราก็พยายามมาตลอดที่เรามาตรงนี้ได้ โอเคคนรู้จักเราส่วนหนึ่ง เพราะว่าเรามีพ่อเป็นคุณโป่ง แต่ส่วนใหญ่ๆ มันก็ต้องมาเพราะเราเองเหมือนกัน ไปออดิชั่นเหมือนทุกคน ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรกว่าคนอื่น
พี่โป่ง : โอเคคนรู้จักลูก แต่พอดำเนินชีวิตไปก็ต้องเป็นความสามารถของเขาที่จะอยู่ในวงการได้ มันไม่สามารถการันตีได้ว่าพ่อเป็นอย่างนี้แล้วลูกจะต้องเป็นอย่างนี้ได้ มันไม่มีอะไรชัดเจนขนาดนั้น
น้องแองจี้เคยมีความกดดันด้วยเหรอที่เป็นลูกพ่อโป่ง?
แองจี้ : แรกๆ ค่ะ ช่วงที่อยู่กามิกาเซ่ เด็กมาก ใหญ่มากก็กดดันนิดนึง เรากลัวทำได้ไม่ดี แต่พอเราทำงานไปเรื่อยๆ หนูรู้สึกว่าเราทำงานเต็มที่ก็พอแล้ว เราเป็นลูกพี่โป่ง เราก็เป็นคนเหมือนกัน เราก็เรียนรู้ได้ ผิดพลาดได้ พยายามต่อไปเรื่อยๆ หนูเชื่อว่าทุกคนก็น่าจะเห็นว่าหนูก็พยายาม
ช่วงแรกๆ เหมือนเราแอบพ่อ แอบคือไม่ให้ใครรู้ว่าพ่อเราคือใคร?
แองจี้ : อาจจะไม่ขนาดนั้น เพราะจริงๆ หน้าห็เหมือนกัน แต่ว่าหนูไม่เคยบอกให้คุณพ่อรู้ว่าหนูกดดันแรกๆ ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ
ตอนนี้พอได้เป็นศิลปินเต็มตัว คุณพ่อก็สนับสนุนเต็มที่?
แองจี้ : ซัพพอร์ตไหมพ่อ
พี่โป่ง : เต็มที่
เห็นว่าคุณพ่อมีน้อยใจเรื่องการแต่งเพลง?
พี่โป่ง : ไม่ถึงขนาดน้อยใจ ตอนแรกเขาไม่กล้าปรึกษา คือมี 2 กรณี คือเขาเป็นตัวของตัวเอง เขาพยายามสร้างมันด้วยตัวเอง ก็เลยไม่อยากจะปรึกษา เวลามาปรึกษาเราก็อยากจะบอก แต่มันมีบางอย่างจะต้องปรับเหมือนกัน เพราะมันคนละรุ่น วิธีคิดคนละแบบ แต่เราก็ให้คอนเซ็ปต์ในลักษณะว่าถ้าจะไปแต่งเพลง ก็ควรจะแต่งในมุมมองอื่นที่ยังไม่มีคนเขียน มันก็จะดูแปลกออกไป มีคอนเซ็ปต์ที่ดูแตกต่างจากคนอื่น เราก็ให้เป็นไกค์ไป
สไตล์การเลี้ยงลูกของพี่โป่ง เป็นร็อกเกอร์เลี้ยงลูกสไตล์ไหน?
พี่โป่ง : เลี้ยงชิลๆ นะ ไม่ได้บังคับเขา เราแค่ประคับประคอง แต่ด้วยความเป็นห่วง เราก็ส่งแม่ไปคอยสปายว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะเขาเป็นผู้หญิงด้วยกันเขาน่าจะคุยกันได้ บางที บางเรื่องเราดูเหมือนแข็งๆ ไม่สนใจ แต่เราประคับประคองอยู่ข้างๆ
เคยโดนตีบ้างไหม?
แองจี้ : ไม่นะคะ ส่วนใหญ่เป็นการคุยกันมากกว่า
ไม่ตีเลย แต่ตามในโทรศัพท์มือถือ ติดตั้งแอปที่ลิ้งค์ว่าลูกอยู่ไหน แล้วตามอีก ใส่แมชก์ แว่น และแอบตามไปในที่ที่ลูกไป ใช่ไหมคะพี่โป่ง?
พี่โป่ง : ไปสังเกตการณ์เฉยๆ
ลูกรู้ไหม?
แองจี้ : ไม่รู้เลยค่ะ
พี่โป่ง : ในโทรศัพท์ตอนนี้รู้แล้ว เพราะตอนนี้เขาปิดโลเคชั่น เป็นห่วงครับ ไม่มีอะไรหรอก
แบ้วเวลาเป็นสปายไปแอบอยู่ตรงไหน?
พี่โป่ง : อยู่ในห้าง ในร้านอะไรอย่างนี้ แล้วก็เดินไปดูผ่านๆ คนเยอะๆ เขาไม่รู้หรอก อยู่กับเพื่อน อ่อ เรียบร้อยดี
อึดอัดไหม เวลากินข้าวกับเพื่อนอยู่ แล้วหันไปเจอพ่อ?
แองจี้ : เอาจริงๆ เพื่อนหนูก็ชอบพ่อ ชอบแม่หนู จริงๆ ที่บ้านชอบให้เพื่อนมาบ้าน คือพ่อแม่สนุก จะเลี้ยงเพื่อนๆ ทุกคนไม่อึดอัด หนูเองก็ไม่ได้อึดอัดก็สนิทกันหมด
พี่โป่ง : ฟังๆ เหมือนพ่อแม่ สะกดรอยตาม ไม่ขนาดนั้นๆ มันเป็นห่วง
เห็นว่าคุณแม่เลี้ยงแบบประคบประหงม?
แองจี้ : ใช่ค่ะ
พี่โป่ง : ก็เยอะ เข้าใจความรู้สึกตอนแรกลูกชายเราไม่คิดมาก เหมือนแม่เป็นผู้ให้กำเนิด แล้วแม่ก็ดูแลตั้งแต่เด็กๆ ดูลูกทุกอย่างไม่ให้ค่ดสายตา พอเริ่มโตขึ้นลูกก็เริ่มเป็นตัวของตัวเอง แต่ความเป็นห่วงก็ยังอยู่ เพราะยังไงพ่อ แม่ก็ยังมองลูกเป็รเด็กตลอดเวลา
ถึงจะเลี้ยงลูกแบบชิลๆ แต่ที่บ้านก็มีกฎ?
พี่โป่ง : จะต้องไม่โกหก คือเวลามีเรื่อง มีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ให้คุยกันตรงๆ เพราะฉะนั้นมันจะแก้ปัญหาได้ไม่ถูกจุด
เรื่องการแต่งตัวมีห้าม มีอะไรไหม?
พี่โป่ง : จริงๆ เขาทันสมัยนะ ชอบแต่งตัวเหมือนคุณแม่เขาก็ตามๆ กันไป บางครั้งเราดูเรื่องโป๊บ้าง เพราะบางทีในสังคมไทย เราก็อยากให้มันเรียบร้อย
เอวลอยได้ไหม?
พี่โป่ง : ตอนแรกไม่ได้ ตอนหลังได้ ตอนแรกเขาใส่ชุดนี้ออกจากบ้าน เราก็แบบว่าเอาอย่างนี้เลยเหรอ เราก็เป็นกังวลแต่พอไปถึง เพื่อนก็ลอยหมดเลย ก็โอเค ไม่เป็นไรเข้าแก๊งไป เราหวังเยอะไปหรือเปล่า มันเป็นแฟชั่น
น้องแองจี้โอเคไหมกับกฎเหล็กที่ที่บ้านตั้งไว้?
แองจี้ : ก็โอเคค่ะ อย่างเรื่องแต่งตัวก็โอเคค่ะ เพราะคุณพ่อไม่ชอบเราก็ใส่อยู่ดี
พี่โป่ง : จริงๆ ไม่ได้บังคับเยอะหรอก มันอยู่ที่สถานที่ที่ไป
เรามีแอบปิดโลเคชั่นบ้างไหม?
แองจี้ : ปิดยังไงเขาก็รู้ว่าอยู่ไหน พ่อ แม่ ก็จะรู้จักเพื่อนทุกคน คือหนูไม่ได้ไปไหนไกล ส่วนใหญ่หนูก็ไม่ได้ไปไหนไกลอยู่แถว ม. อยู่กับเพื่อน บางทีโทรศัพท์หนูแบตหมด โลเคชั่นค้าง เขาก็ส่งข้อความไปถามเพื่อนหนู
พี่โป่ง : อย่างตอนไปต่างประเทศแล้วแยกกันเดิน เราควรมีแอปที่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เดี๋ยวหลง เราก็ป้องกันไว้ก่อน แล้วก็เอามาใช้ที่เมืองไทยด้วย
เราดูสนิทกัน เราปรึกษาคุณพ่อทุกเรื่องไหม?
แองจี้ : ส่วนใหญ่จะคุยกับแม่ถ้าเป็นเรื่องหยิบหย่อย แต่คุยกับแม่ก็เหมือนคุยกับพ่อ เพราะสุดท้ายแม่ก็ไปบอกพ่อ แล้วทุกคนก็จะรู้กันทั้งบ้าน ที่บ้านเราก็จะเหมือนแชร์กันทั้งบ้าน
พ่อมีห้ามไหมว่าคนนี้ไม่เอา?
พี่โป่ง : ไม่ได้ถึงขนาดว่าห้าม เพราะยังไงก็ต้องมีแฟน แต่ว่ามันถึงเวลาหรือยัง
ตอนนี้ถึงวัยหรือยัง?
พี่โป่ง : มันกำหนดยากนะ มันต้องใช้เวลาดูกันไป
ผู้ชายที่เข้ามาจีบน้องแองจี้ เห็นว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรื่องเข้ามาถึงหูคุณพ่อ คุณพ่อจะถามว่าใครวะ?
พี่โป่ง : ก็ต้องถามใครวะ ก็ต้องใช้อำนาจนิดหน่อย แล้วแต่ว่าข้อมูลเยอะไหม ถ้าข้อมูลเยอะก็ต้องเสียงดังหน่อย
ไม่ใช่แค่หนุ่มๆ นะ ศิลปินเกาหลี หรือไอดอลเกาหลี แค่น้องแองจี้ไปชม คุณพ่อก็แบบไปชมที่อื่น อย่างนี้เลยเหรอ?
พี่โป่ง : คนมันมองไม่เหมือนกัน เขาอาจจะมองว่าหล่อ อันนี้ไม่หล่อ มันคนละแบบมันคนละสไตล์
หวงขนาดนั้นเลย?
พี่โป่ง : มันไม่ได้หวงหรอก แซวเล่นมากกว่า
มีกำหนดอายุไหมว่าลูกอายุเท่าไหร่ถึงจะเปิดตัวได้?
พี่โป่ง : ไม่หรอก เรื่องอย่างนี้มันกำหนดไม่ได้อยู่แล้ว อย่างน้อยควรจะเรียนจบ อย่างน้อยต้องทำงานดูแลตัวเองได้แล้ว รับผิดชอบตัวเองได้
แองจี้โอเคไหม?
แองจี้ : ก็ต้องโอเคแหละ พ่อพูดขนาดนี้ ก็เข้ามจใจในทุมเขา เขาอยากให้เราดูแลตัวเองได้ก่อน เป็นผู้ใหญ่ก่อน แล้วค่อยมี
เห็นว่าพี่โป่งมีบางเรื่อง ไม่เคยคุยกับน้องเลย?
พี่โป่ง : คือจริงๆ ชมเขาแหละ แต่อาจจะไม่ได้พูดกันตรงๆ ผมก็เป็นห่วง เดี๋ยวไปชมความหมายมันอาจจะทำให้เขาหลงระเริง เพราะผมเคยบอกเขาว่าอย่าคิดว่าตัวเองเก่ง เราต้องศึกษา เราต้องพยายาม เพราะคนเก่งเขามีเยอะ แต่จริงๆ ก็ชมเขานั้นแหละ เราแอบภูมิใจอยู่แล้ว
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์–วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama