กรณีเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 ได้โพสต์เรื่องราวของสมาชิกรายหนึ่งที่ร้องเรียนผ่านเพจ ถึงกรณีที่เมียหลวง อดีตเป็นช่างแต่งหน้ากองละคร แต่งงานอยู่กินกับสามีร่วม 20 ปี จดทะเบียนสมรสกันมา 13 ปี แต่มาจับได้ว่า ฝ่ายชายนอกใจไปทำผู้หญิงท้อง พร้อมกับมารู้ทีหลังว่า ฝ่ายชายได้ให้แม่ไปสู่ขอและทำพิธีหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่เจ้าตัวยังถือทะเบียนสมรสอยู่ ไม่ได้หย่าขาดจากกัน
รายการโหนกระแสวันที่ 13 ธ.ค. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ อี๊ด เมียหลวงถือทะเบียน มาพร้อม ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือ ทนายแก้ว รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่กฎหมาย สภาทนายความ เพื่อพูดคุยถึงประเด็นนี้
ทำอาชีพอะไร?
อี๊ด : ก่อนหน้านี้ทำอาชีพแต่งหน้ากองละคร แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว เพราะออกมาช่วยน้องทำกิจการส่วนตัวค่ะ ส่วนแฟนเป็นช่างภาพ เราคบกันตั้งแต่อายุ 28 ผ่านมา 22 ปีแล้วค่ะ ไม่มีลูกด้วยกันค่ะ
จดทะเบียนสมรสมั้ย?
อี๊ด : ปีนี้ก็ 13 ปีค่ะ แรกๆ มีการทำพิธีแต่งงานแบบสู่ขวัญค่ะ ไม่ใช่พิธีใหญ่โตอะไร ตอนนั้นไม่ได้จดทะเบียน มาจดทีหลังค่ะ
เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น?
อี๊ด : ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ชีวิตราบรื่นตลอด มีเบาะแว้งกันบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ปรับความเข้าใจกันได้ ไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรง จนมาเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา สามีก็มาบอกว่าพลาดทำผู้หญิงท้อง ไปรู้จักผู้หญิงคนนึงช่วงโควิด ไปทำงานที่เชียงใหม่ แล้วทำผู้หญิงท้อง ทางพ่อแม่ฝ่ายหญิงให้พาผู้ใหญ่ไปสู่ขอ ไปทำพิธี รับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำ พอเราได้ยินเราก็ช็อก เพราะไม่มีสัญญาณมาก่อนว่าเขาจะนอกใจ เขาเป็นคนเงียบๆ ไม่เจ้าชู้ อยู่บ้านเดียวกันค่ะ ซึ่งก่อนหน้านั้นเราอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. เขาไม่มีพฤติกรรมอะไรเลยค่ะ
เขาไปเชียงใหม่จริงมั้ย?
อี๊ด : เขาทำงานที่เชียงใหม่จริงค่ะ สัก 3 ปีที่ผ่านมาช่วงโควิด
ด้วยไทม์ไลน์การตั้งครรภ์ 3-4 เดือนถึงจะรู้ เขามาบอกเลยมั้ย?
อี๊ด : เขาไลน์มาบอกว่าอยู่เชียงใหม่ค่ะ ณ ตอนนั้นเขาบอกผู้หญิงท้องได้ 4 เดือนแล้ว เขาบอกว่ารู้จักช่วงโควิดน่าจะรู้จักมานาน เราก็ช็อก เขาพยายามโทรคุย แต่เราไม่พร้อม เราก็ไม่รับสาย ก็คิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา และควรแก้ไขยังไง ตอนแรกช็อกยังไม่ได้คุยกัน แต่หลังจากตั้งสติได้ ตอนกลางคืนมันนอนไม่หลับ ก็เริ่มพิมพ์ไลน์ไปตัดพ้อต่อว่าเขา ว่าทำไมทำกับฉันแบบนี้ เขาก็ตอบมาแค่ขอโทษ พลาดไปแล้ว ไม่มีคำอื่นค่ะ นอกจากคำนี้ แต่ก็ไม่มีคำตอบว่าเขาจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป 3-4 วันที่เรานอนไม่หลับ เราก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะไม่รู้ว่าการเล่าให้คนอื่นฟังจะเกิดผลดีกับเราหรือเปล่า เราก็ไม่ได้เล่า ก็เก็บไว้คนเดียว กินไม่ได้นอนไม่หลับประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วค้นหาความจริง
จากนั้นพี่ไม่ไหวแล้ว?
อี๊ด : ก็เริ่มเข้าไปหาข้อมูลในเฟซบุ๊กผู้ชายว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหน ใช้เวลาค้นอยู่นานมาก เขามีเพื่อนในเฟซค่อนข้างเยอะ ค้นโดยละเอียดทุกคนที่เป็นผู้หญิง จนมาเจอผู้หญิงคนนี้น่าสงสัย สามีเราไปกดเลิฟทุกโพสต์ที่ผู้หญิงโพสต์ เป็นคนแรกที่เข้าไปกด แสดงว่าเขาจ้องอยู่ เซ้นส์เรามันบอก คนๆ นึงถ้าสนใจสิ่งใดก็จดจ้องอยู่ ก็เข้าไปกดเป็นคนแรก กดหัวใจ แล้วน่าสงสัย เราก็เข้าไปในเฟซบุ๊กผู้หญิง ไล่ดูไปโดยละเอียด จริงๆ แล้วเคยเข้าไปดูเฟซผู้หญิงคนนี้ด้วยก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้ดูโดยละเอียด ดูผ่านๆ แต่คราวนี้เราเริ่มค้นหาความจริง ดูอย่างละเอียด ดูทุกรูป ย้อนกลับไปดูทุกรูปข้างใน เจอรูปสามีซ่อนอยู่ข้างใน อยู่ด้านหลังของรูปอื่นๆ การถ่ายออกมาก็เป็นด้านข้างบ้าง ด้านหลังบ้าง แล้วรูปล่าสุดที่จับได้จริงๆ เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา เป็นรูปที่ผู้ชายรดน้ำดำหัวพ่อแม่ฝ่ายหญิง
เจอในเฟซบุ๊กผู้หญิงว่าฝ่ายชายกำลังรดน้ำดำหัวพ่อแม่ฝ่ายหญิง?
อี๊ด : ใช่ค่ะ ผู้หญิงลงรูปมา ก็ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรพิเศษ ก็ดูไปเรื่อยๆ ดูเยอะก็ยิ่งเจอ แล้วเจอรูปที่ผู้หญิงโพสต์ไปเที่ยว แต่ไม่มีรูปคู่ แต่มีบางรูปเป็นจักรยานฝ่ายชายร่วมอยู่ในเฟรม จักรยานเสือผู้เขาผู้ชาย เจอในรูปไปเที่ยว ที่ผู้หญิงโพสต์ มีเต็นท์ มีจักรยานฝ่ายชายจอดอยู่ข้างเต็นท์
พี่ห่างกับสามีตอนไหน?
อี๊ด : ตอนเขาไปทำงานที่เชียงใหม่ค่ะ เป็นช่วงโควิดที่เขาบอกว่าเขาไม่สามารถกลับมาที่บ้านได้ ร่วมๆ 3 ปี แต่เขาก็กลับมานะคะ 3 เดือนกลับที รวมๆ แล้ว 3 ปี
พี่เคยไปหาเขามั้ย?
อี๊ด : ไม่เคยไปหา เพราะช่วงนั้นก็มีปัญหาเรื่องโควิด แล้วเขาเองก็ไม่ได้ทำงานอยู่เชียงใหม่ตลอด เขาทำงานเขตชายแดนพม่า ซึ่งต้องข้ามเขตไป
พี่มั่นใจได้ไงว่าเขาอยู่เชียงใหม่จริง?
อี๊ด : พี่ที่รู้จักที่เขาทำงานอยู่ที่เดียวกัน เขายืนยันว่าอยู่เชียงใหม่ เขาก็โพสต์เฟซบุ๊กที่ทำงานที่เชียงใหม่ เช็กอินร้านอาหารที่เชียงใหม่ เขาไปทำงานที่เชียงใหม่เป็นเรื่องจริงค่ะ
พอเจอเขารดน้ำดำหัวให้พ่อแม่ฝ่ายหญิง พี่ทำยังไง?
อี๊ด : โคตรเสียใจ ไม่รู้ทำไง ตัวชา มือสั่น ใจเต้นไม่ปกติ แต่ก็ต้องค้นหาความจริงทั้งหมด ค้นไปเรื่อยๆ ก็ไปเจออะไรเรื่อยๆ ขึ้นมา เช่น รูปเฟซบุ๊กผู้ชายโพสต์โรแมนติก แต่เขาถ่ายกับแก้วกาแฟบ้าง เรามาเจอในเฟซผู้หญิง มันเป็นสถานที่เดียวกันค่ะ เราจำได้เป็นสถานที่เดียวกัน แม้แต่สุนัขที่ร่วมเฟรม ก็ตัวเดียวกัน เราก็จำได้เป็นเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน เขาต้องอยู่ด้วยกัน ที่บ้านฝ่ายหญิงที่โคราชค่ะ
เขาเจอผู้หญิงที่เชียงใหม่ได้ไง?
อี๊ด : เราเคยถามหลังจากที่รู้เรื่อง เขาบอกว่าฝ่ายหญิงไปทำงานสำรวจชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง เป็นตัวแทนส่วนราชการ ทำงานกระทรวงสาธารณสุข เป็นตัวแทนราชการไปสำรวจชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง สามีเป็นช่างภาพไปถ่ายรูป เวลาไปก็ไปรถตู้คันเดียวกัน พักโรงแรมเดียวกัน สนิทสนมกันพอสมควร
สิ่งที่คุณช้ำใจ คือไปเจอภาพๆ นึง?
อี๊ด : ค่ะ จากเฟซบุ๊กเพื่อนฝ่ายหญิง เหมือนมีลางสังหรณ์ วันนั้นเล่นเฟซ แล้วเข้าไปที่เฟซฝ่ายหญิง ตอนนั้นมีข้อมูลอะไรในเฟซ เขาก็ลบไปหมดแล้ว เราก็เปลี่ยนเป้าหมาย ไปเฟซบุ๊กเพื่อนเขา ไล่ไปเรื่อยๆ ไม่นาน ประมาณ 2-3 โพสต์เจอรูปที่เพื่อนเขาโพสต์ร่วมแสดงความยินดี งานหมั้น รอแต่ง ความรู้สึกช็อกก็กลับมาอีก
แม่สามีรู้มั้ยว่ามีคุณเป็นเมีย?
อี๊ด : รู้สิคะ เราเคยไปมาหาสู่กันอยู่ จดทะเบียนไม่แน่ใจว่าเขารู้มั้ย แต่ตอนไปสู่ขอ ทำพิธีกับเราเขาเป็นคนไป
ได้คุยกับแม่มั้ย?
อี๊ด : ไม่ได้คุย เพราะช่วงโควิด เราขอเบอร์กับสามี เพราะโทรศัพท์เรามันพัง เราไม่ได้คุยกับแม่นานแล้ว ขอเบอร์หน่อย สามีบอกว่าไม่มีเบอร์ เราก็ถามว่าคุยกับแม่ยังไง เขาบอกคุยไลน์ เราก็บอกว่าขอหน่อย ไม่ได้คุยนานแล้ว เขาเหมือนอิดออดไม่ให้ บอกว่าทำงานก่อน เดี๋ยวค่อยเอา ขออยู่ 2-3 ครั้ง ทุกครั้งที่ขอเขาก็จะอ้างว่าเดี๋ยวส่งให้ แต่ไม่ได้ส่งให้สักที ก็เลยไม่ได้คุยกับแม่สามี ช่วงโควิดเหมือนเราไม่ได้ไปมาหาสู่กันด้วย สามี 3 เดือนมาหาสักที หลังๆ เว้นไปประมาณ 6 เดือนค่ะ ปีที่สอง 6 เดือนกลับบ้านที พอมาปีล่าสุด ปีนี้ ก็มาบ่อยอยู่ แต่มาแป๊บๆ
เคยคุยกับผู้หญิง?
อี๊ด : ไม่เคย เพราะเราไม่อยากยุ่งกับมือที่สาม เราโฟกัสที่คนของเรา
ทนายแก้ว : คุณกับสามีตกลงแยกทางกันหรือเปล่า
อี๊ด : ไม่เคยตกลงแยกทางกันค่ะ แล้วสามีเอง ก็ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าเขาอยากแยกทางกับเราเลย เพราะตลอดระยะเวลาที่เขาไปทำงาน เรายังมีการติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ทางไลน์ตลอดเวลา แล้วไม่มีอะไรบอกเหตุว่าเขาจะนอกใจเรา ถามสารทุกข์สุกดิบให้กำลังใจตลอด
ทนายแก้ว : ภรรยาหลวงมีสิทธิ์หวงกันอยู่แล้วตามกฎหมาย ตัวพี่อี๊ดเองสามารถฟ้องร้องภรรยาน้อยตามสิทธิ์ที่กฎหมายกำหนดได้อยู่แล้ว การฟ้องร้องแน่นอนว่าจะฟ้องหย่าสามีก็ได้ หรือจะไม่ฟ้องหย่าก็ได้ แต่จะฟ้องภรรยาน้อยเรียกค่าทดแทน ก็แล้วแต่ความเหมาะสมที่พี่อี๊ดจะกำหนดขึ้นมา ส่วนพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง แค่รูปถ่าย แชตไลน์เพียงพอแล้วครับ บางคนสงสัยว่าแค่ไหนหลักฐานถึงจะพอ ข้อความเดียวก็ได้ครับ กรณีเขาไปมีอะไรกับภรรยาน้อย หรือใครก็ตาม เป็นในที่ลับ ไม่มีหลักฐานมาบอกหรอกว่าเขามีเพศสัมพันธ์กัน ดังนั้นการไปกินเที่ยว ส่งข้อความหากัน มันก็เพียงพอที่ฝ่ายภรรยาหลวงจะฟ้องภรรยาน้อยได้แล้วครับ
ความพีคไม่ได้จบแค่นี้ ล่าสุดภรรยาน้อยคนนั้นอยู่ในซอยบ้านพี่?
อี๊ด : ใช่ค่ะ ห่างออกไปกิโลกว่าๆ อยู่ซอยเดียวกัน หลังจากที่ทราบว่าเขาไปมีสัมพันธ์กับคนอื่น เราก็พยายามสืบว่าเขาพักอยู่ที่ไหนกัน เราเคยถามฝ่ายชาย เขาบอกว่าพักแถวปากเกร็ด แต่ผ่านมาเดือนนึง มีคนบอกเราเคยเห็นรถสามีจอดอยู่ตึกนี้ เราไปเฝ้าดูอยู่หลายครั้ง เจอบ้างไม่เจอบ้าง แต่เจอรถสามีจอดอยู่ตรงนั้น ด้วยความสงสัยว่าอยู่ที่นี่จริงมั้ย ก็ไปแอบตามดูหลายวันเหมือนกันกว่าจะเจอ ก็เจอจริงๆ เจอเขาเดินเข้าเดินออกในนั้น แต่ไม่ได้เจอฝ่ายหญิง
แสดงตัวมั้ย?
อี๊ด : ไม่ค่ะ แอบถ่ายเป็นคลิปวิดีโอ พอทราบว่าอยู่ที่นี่จริงๆ หลังจากนั้นก็เจอผู้หญิง เราเห็นผู้หญิงไม่ได้มีสภาพคนท้องค่ะ เราก็สงสัย ว่าจริงๆ ท้องเขาน่าจะโตแล้ว เพราะผ่านมาจากที่ตรงนั้น 4-5 เดือน 6 เดือน ท้องน่าจะมีให้เห็น แต่เท่าที่เห็นไม่ได้ท้อง ไม่เหมือนลักษณะคนท้องค่ะ
คุณจะบอกว่าสามีจัดฉากขึ้นมา?
อี๊ด : เราก็ไม่ทราบตรงนั้นค่ะ หลังจากนั้นเราโทรคุยกับเขา ว่าตกลงผู้หญิงท้องจริงมั้ย เธอหลอกฉันหรือเปล่า เธอเมคขึ้นมาเพื่อให้ฉันปล่อยเธอไปง่ายๆ ใช่มั้ย เขาบอกว่าท้องจริง เขาทำตามที่ทางโน้นเรียกร้องไม่ได้ คือเอาใบหย่าไปโชว์ เขาก็เลยยุติการตั้งครรภ์
พี่คิดว่าสามีพี่พูดจริงมั้ย?
อี๊ด : นั่นแหละ ปัญหาคือเราไม่ทราบว่าเขาพูดจริงมั้ย
ฟังแล้วไม่น่าใช่?
อี๊ด : เราก็ไม่ได้เชื่อหรอกค่ะ
พี่เคยพูดให้แฟนพี่ไปรับผิดชอบเขามั้ยหลังจากเขาบอกว่าเขาทำผู้หญิงท้อง?
อี๊ด : ไม่ค่ะเหมือนให้เขาไปแก้ไขปัญหา แต่ว่าไม่อนุญาตให้พาแม่ไปสู่ขอ เพราะเราถือว่าเรายังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ และเคยขู่ไปว่าไม่ให้พาแม่ไปทำผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ถ้าเธอรักแม่ต้องไม่พาแม่ไปทำสิ่งที่ผิด
ทุกวันนี้พี่ยังคุยกับผัวพี่อยู่มั้ย?
อี๊ด : คุยบ้าง นานๆ ครั้งค่ะ เขาไม่ได้พูดถึงตรงนี้ค่ะ ส่วนใหญ่คุยกันว่าจะเอายังไง เขาบอกเขาพยายามแก้ปัญหาอยู่
เขากลับมานอนที่บ้านมั้ย?
อี๊ด : ไม่ค่ะ เขานอนบ้านผู้หญิงคนนี้ ที่อพาร์ทเมนต์นั้นค่ะ หลังจากเขาบอกเราว่าผู้หญิงไม่ท้องแล้ว เราก็มีความหวังนิดๆ ว่าในเมื่อเขาไม่มีพันธะแล้ว เขาจะกลับมาคุยกับเรามาตกลงอะไรหรือเปล่า เราก็รอไปประมาณเดือนนึง นิ่งเงียบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็เลยคิดว่าโอกาสที่เขาจะตัดสินใจกลับมาคงไม่ใช่แล้ว เขาเลือกอยู่ฝั่งโน้น เราก็คิดอยู่เหมือนกันว่าในเมื่อเขาเลือกอยู่ฝั่งโน้นเราก็จะปล่อยเขา ก็ตั้งใจว่า 15 ธ.ค. ที่เป็นวันเกิดเขา จะบอกเขาว่าจะหย่าให้ โดยที่เราไม่ต้องการอะไร (ร้องไห้) แต่มันมาเจอภาพนี้ซะก่อน เราก็คิดว่าในขณะที่เราพยายามแก้ปัญหาให้อยู่เพื่อไม่ให้ทุกคนได้รับผลกระทบ แต่ทำไมคุณมาทำกับเราแบบนี้ (ร้องไห้) คุณไม่นึกถึงความรู้สึกเราเลย ในขณะที่ฉันนึกถึงทุกอย่างว่ามันจะกระทบคุณแม่คุณมั้ย กระทบถึงผู้หญิงของคุณมั้ย จะอยู่ในสังคมได้มั้ย จะอับอายขายขี้หน้าคนอื่นเขามั้ย (ร้องไห้) ขณะที่เราพยายามคิดแก้ปัญหาให้ทุกฝ่าย จะได้อยู่กันอย่างสงบสุข แต่เขาทำแบบนี้กับเรา เขามองเราไม่มีค่าเลย (ร้องไห้)
ทำไมตัดสินใจโพสต์เรื่องทั้งหมดลงโซเชียล และส่งไปให้ตามสื่อ?
อี๊ด : อยากให้เป็นอุทาหรณ์ เตือนใจผู้ชายทุกคน ที่คิดจะทำแบบนี้ ให้นึกถึงผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันมา ให้นึกถึงความรู้สึกเมื่อถูกทำลายไปแล้ว มันไม่สามารถเรียกคืนได้ (ร้องไห้) อยากให้มือที่สามได้รู้ การถูกหลอกเป็นมือที่สามเราเข้าใจนะ แต่ถ้าคุณถูกหลอกแล้ว คุณต้องกล้าตัดสินใจที่จะเดินออกมา เพราะคุณก็รู้ว่ามันผิด ทุกคนรู้หมดแหละที่ทำมันผิด อันไหนผิด อันไหนถูกทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่มันห้ามใจไม่ได้ (ร้องไห้)
พี่คิดว่าเขาน่าจะคบกันมานานแค่ไหน?
อี๊ด : ณ ตอนนี้ที่ดูจากข้อมูลต่างๆ ที่รับรู้มา เขาน่าจะรู้จักกันมานานมากหลายปี ไม่ต่ำกว่า 5-6 ปี แต่ช่วงที่เขาอยู่ด้วยกัน คงเป็นช่วงโควิดที่เขาไม่ได้กลับบ้าน ก่อนหน้านั้นเขากลับบ้านตลอด
หลายท่านให้เราโทรหาฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง แต่เขาไม่รับโทรศัพท์ ต่อสายหาผู้เห็นเหตุการณ์ “ชาวบ้าน1” เคยเห็นแฟนผู้หญิงคนนี้อยู่ในอพาร์ทเมนต์นั้นมั้ย?
ชาวบ้าน1 : เห็นเขาช่วงก่อนโควิดค่ะ แล้วหลังๆ เห็นเขามากหน่อย ช่วงโควิดระบาดมากๆ ค่ะ เห็นเขาเดินขึ้นเดินลง
พี่อยู่แถวนั้นมานานแค่ไหน?
ชาวบ้าน1 : พี่เป็นนิติอยู่ที่นี่ค่ะ อยู่มานาน 10 ปีแล้วค่ะ
พี่เห็นชาวคนนี้นานแค่ไหน?
ชาวบ้าน1 : น้องผู้หญิงเข้ามาอยู่ เขาเป็นเจ้าของห้องคนเดียว ส่วนน้องผู้ชายเห็นเขาก่อนโควิดไม่นาน แต่ที่เห็นเขาเดินขึ้นลงบ่อยๆ ก็ช่วงโควิดระบาด ที่เราทำอะไรไม่ได้เลย เนี่ยแหละค่ะ
ผัวพี่ผู้หญิงคนนี้อยู่มากี่ปีแล้ว?
ชาวบ้าน1 : ประมาณ 4-5 ปีแล้วค่ะ เห็นเขามาตลอด
สามีอยู่เชียงใหม่กี่ปี?
อี๊ด : 3 ปีค่ะ แต่ช่วงนั้นที่เห็นที่คอนโดก่อนโควิด ช่วงนั้นเขายังกลับบ้านตลอดค่ะ แต่กลับผิดเวลา กลับตีหนึ่ง ตีสองบ้าง แต่เขากลับบ้านตลอดค่ะ พอ 3 ปีหลังโควิดนี่แหละที่หายไปเลย
สามปีหลังโควิดหนักๆ พี่เห็นผู้ชายคนนี้ไปอยู่ที่นั่นมั้ย?
ชาวบ้าน1 : ใช่ค่ะ
ชาวบ้าน2 : ช่วงโควิดก็เห็นอยู่นี่ค่ะ
ทำไมจำได้ว่าเป็นเขา?
ชาวบ้าน2 : เห็นเดินขึ้นเดินลง บางทีก็สั่งของมากินค่ะ
รู้ได้ไงว่าเป็นผัวพี่เขา?
ชาวบ้าน2 : เห็นในรูปค่ะ
ทุกวันนี้เขาอยู่ด้วยกันมั้ย?
ชาวบ้าน2 : อยู่ด้วยกันค่ะ
ทนายแก้ว : ตอนเห็นเขาลงมาข้างล่าง ดูออกใช่มั้ยว่าเขาเป็นคนรักกัน
ชาวบ้าน2 : ต่างคนต่างเดินค่ะ ไม่ได้จับไม้จับมือ ปกตินี่แหละค่ะ แต่อยู่กินแบบผัวเมียค่ะ
มันเป็นอย่างที่พี่คิด แล้วพี่จะทำยังไง?
อี๊ด : อยากเรียกศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงของเราคืนมา ก็อยากจะฟ้องมือที่สามค่ะ ส่วนสามีก็อยากพูดคุยตกลงกันก่อนว่าจะหย่ากันได้โดยไม่ต้องฟ้องร้องได้มั้ย ถ้าคุยตกลงกันได้ก็จะหย่าโดยไม่ต้องมาฟ้องร้องกัน ไม่ต้องเสียเวลา
ทนายแก้ว : กรณีจะหย่า ด้วยสมัครใจหรือฟ้องศาล ตัวพี่เองทำมาหาได้อย่างไร ต้องแบ่งสินสมรสกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนฝ่ายชายที่จะทำมาหาได้ในอนาคต พี่ก็สามารถฟ้องแบ่งสินสมรสได้ บ้านหรือทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน ถือว่าเป็นสินสมรส เราสามารถฟ้องร้องได้ ส่วนมือที่สามสามารถเรียกค่าทดแทนในกรณีนี้แล้วแต่พี่จะพิจารณาว่าเราเสียหายเท่าไหร่
คุณไม่กล้าพูด เพราะเจ้าของตึกลงมาบอกว่าไม่ต้องพูดใช่มั้ย ล่าสุดเห็นอยู่กันวันไหน?
ชาวบ้าน2 : อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ
เคยเห็นฝ่ายหญิงท้องมั้ย?
ชาวบ้าน2 : ไม่ค่ะ เห็นปกติ ไม่ท้องนี่คะ
ตอนนี้ฝั่งโน้นเขาไม่อยากให้สัมภาษณ์ เพราะเขาบอกว่าโดนแฟนพี่หลอกเขามาหลายปีเหมือนกัน พี่ว่าฝ่ายหญิงรู้มั้ยว่าเขามีพี่?
อี๊ด : ถ้าเป็นเรา เราจะคบกับผู้ชายคนนึงเราก็ต้องสืบให้ชัด ซึ่งมันสืบได้ไม่ยาก ถ้าสงสัย ถ้าเขาบอกว่าเขาโสด ระหว่างคบหา เคยไปเห็นที่พักอาศัยเขามั้ย เขาพักอยู่ตรงไหน คุณสามารถวิดีโอคอลหาเขา ในขณะที่เขานอนได้มั้ย ถ้าเป็นเรา เราจะทำแบบนั้น เราจะไม่เชื่อทั้งหมดว่าโสดนะ เพราะผู้ชายอายุวัยกลางคนขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะโสด ถ้าเขาบอกมีภรรยาแล้วเลิกกัน เราต้องไปขอเบอร์เพื่อถามตัวภรรยาว่าเลิกกันจริงมั้ย
ทำไมพี่ไม่อยากคุยกับคนที่สาม?
อี๊ด : จริงๆ แล้วอยากคุยกับคนของเรามากกว่า เราคิดว่าคนที่สามไม่ได้เกี่ยวกับเรา มันเกี่ยวกับคนของเรา
ทนายแก้ว : แต่มือที่สามจะรู้หรือไม่รู้ จะถูกสามีพี่หลอกหรือไม่ต้องไปว่ากล่าวกันในศาล การที่เขามาคบกับสามีพี่ ที่เป็นวัยกลางคน วิญญูชนต้องตั้งข้อสังเกตว่ามีครอบครัวมาก่อน จะมาอ้างว่าคุณถูกหลอก 4-5 ปี บางทีก็เกินความเชื่อ ถ้าตั้งใจจะฟ้อง พี่ก็ใช้สิทธิ์ได้ แต่การฟ้องร้องก็ไม่ได้แก้ไขทุกอย่าง ผมว่าการไกล่เกลี่ยพูดคุย หาทางออกร่วมกันน่าจะดีกว่า
พี่จะฟ้องเลยนะ?
อี๊ด : อยากฟ้องค่ะ
ทนายแก้ว : พอฟ้องกระบวนการศาลก็ต้องไกล่เกลี่ย ผมคิดว่าแล้วแต่พี่จริงๆ แต่กำลังมองว่าถ้าฟ้องก็ไปสาวไส้ให้กากิน เอาไปพูดกันที่ศาล
ใจพี่เอายังไง?
อี๊ด : อยากฟ้องเพื่อเรียกศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงเราคืนมา ส่วนฝ่ายชายถ้าตกลงกันได้ก็จะยอมเซ็นใบหย่าให้ แต่ให้กลับไปอยู่ด้วยไม่เอาแล้วค่ะ ความรู้สึกเป็นศูนย์แล้ว ไม่เหมือนเดิม
มีสินสมรส ที่ทำมาหาได้ร่วมกันเยอะมั้ย?
อี๊ด : มีบ้านที่ผ่อนยังไม่หมด มีรถสองคัน คันนึงผ่อนหมดแล้ว อีกคันยังผ่อนไม่หมดค่ะ
ทนายแก้ว : ถ้าสมัครใจจะไปหย่าก็ต้องระบุให้ชัดนะครับ ว่าบ้าน-รถ ตกลงผ่อนกันอย่างไร เดี๋ยวจะพลาดไป