สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านกำลังซื้อจากต่างชาติ ช่วงนี้อาจมีความคึกคักเป็นพิเศษหลังเพิ่งผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด -19 และ ผ่านการเลือกตั้งมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งตลาดอสังหาฯ ของไทยจะมีทิศทางอย่างไร
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยของคนต่างชาติตลอดปี 2566 มียอดการโอนฯมากกว่า 60,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มียอดโอนฯสะสมอยู่ที่ 59,261 ล้านบาท โดยครึ่งแรกของปีมียอดโอนฯแล้วจำนวน 7,338 หน่วย มีมูลค่าการโอนฯ 35,211 ล้านบาท
ซึ่งชาวจีนยังคงซื้อห้องชุดมากที่สุดอยู่ที่ 16,992 ล้านบาท คาดการณ์ตลอดปีนี้จะมีมูลค่าโอนฯกว่า 30,000 ล้านบาท รองลงมา รัสเซีย 2,556 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 1,289 ล้านบาท สหราชอาณาจักร 1,287 ล้านบาท เมียนมา 1,274 ล้านบาท ฝรั่งเศส 1,127 ล้านบาท ไต้หวัน 1,089 ล้านบาท เยอรมัน 1,087 ล้านบาท อินเดีย 845 ล้านบาท และญี่ปุ่น 592 ล้านบาท
“จีนยังยืนหนึ่งซื้อคอนโดฯ อินเดียแม้ปัจจุบันยอดโอนฯครึ่งปีแรกยังไม่มาก แต่คาดว่าถึงสิ้นปีจะมียอดโอนฯเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาท และซื้อห้องขนาดใหญ่ ส่วนรัสเซียซื้อเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบจากปี 2563 มียอดโอนฯ อยู่ที่ 1,141 ล้านบาทและปี 2564 อยู่ที่ 908 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 อยู่ที่ 2,682 ล้านบาท ที่น่าจับตาเมียนมาเริ่มมาแรง ซื้อห้องชุดมีมูลค่าสูงสุดราคาเฉลี่ย 7 ล้านบาท จากยอดโอนฯ สะท้อนให้เห็นว่าตลาดต่างชาติเริ่มกลับมาแล้วหลังหายไปในช่วงวิกฤตโควิด”
นายวิชัยกล่าวว่า ตอนนี้กำลังซื้อในประเทศอ่อนแอในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง ซึ่งมีอัตราส่วนการกู้แบงก์ไม่ผ่านสูง ทำให้ยอดขายและยอดโอนฯคอนโดมิเนียมครึ่งปีลดลง หากมีการเปิดฟรีวีซ่าวันที่ 1 ตุลาคมนี้ นอกจากจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในระยะสั้น ทำให้บรรยากาศคึกคัก เกิดการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งตลาดคอนโดมิเนียมจะได้อานิสงส์ไปด้วย เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวประทับใจ ทำให้เกิดความต้องการจะซื้อคอนโดมิเนียมเป็นบ้านหลังที่ 2 มากขึ้น และทำให้ผู้ประกอบการที่พัฒนาคอนโดมิเนียมและเจาะตลาดต่างชาติมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับ 5 จังหวัด มียอดหน่วยโอนห้องชุดต่างชาติสูงสุดในครึ่งปี 2566 ได้แก่ ชลบุรี 3,183 หน่วย มูลค่า 9,840 ล้านบาท กรุงเทพ 2,765 หน่วย มูลค่า 20,233 ล้านบาท ภูเก็ต 462 หน่วย มูลค่า 2,383 ล้านบาท เชียงใหม่ 375 หน่วย มูลค่า 1,018 ล้านบาท สมุทรปราการ 165 หน่วย มูลค่า 414 ล้านบาท
ส่วนสถานการณ์บ้านเดี่ยวว่า กลุ่มมีความโดดเด่นสุดจะเป็นบ้านระดับราคา 7.5-10 ล้านบาท ในครึ่งแรกของปีมีมูลค่าโอนฯเพิ่มขึ้น 16% ส่วนบ้านระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทยังทรงตัว มีมูลค่าการโอนฯเพิ่มขึ้น 0.3% แต่จำนวนหน่วยโอนติดลบ
