เตือนภัย! “มิจฉาชีพแห่งวงการซีรี่ส์วาย” โกงสนั่นคนบันเทิงกว่าครึ่งร้อย ทำไมยังลอยนวล!?

“วงการบันเทิงอะนะ” เป็นอย่างที่นักร้องดัง ‘ปาล์มมี่’ เคยกล่าวไว้ไม่มีผิด! เมื่อคนโกงอยู่ในวงการไหน ไม่ว่าจะสร้างตัวตนในคราบดูดีเพียงใดก็ตาม แต่ในสันดานย่อมเป็นคนขี้โกงอยู่วันยันค่ำ วงการบันเทิงไทยก็เช่นเดียวกัน ย่อมมีคนไม่ดีเข้ามาปะปนสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้ผู้คน เหมือนกรณีผู้จัด-ผู้กำกับซีรี่ส์และภาพยนตร์รายหนึ่งที่ตอนนี้สร้าง “โจทก์” ไว้ทั่ววงการกว่าครึ่งร้อยที่ได้รับผลกระทบจากการโกง การใส่ร้ายป้ายสี การแบล็คเมล์ และการแอบอ้าง ชุบมือเปิบ!!

ต้องบอกว่านาทีนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์และซีรี่ส์วายหรือแนว BL (Boy’s Love) ของไทยถือเป็น Soft Power ที่กำลังไปได้สวยในตลาดโลก รอแค่ภาครัฐให้การส่งเสริมจริงจังแบบ “ตบให้เข้าที่เข้าทาง” และที่สำคัญบุคลากรผู้พิจารณาให้การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่ต้องมีวิสัยทัศน์เปิดกว้าง มองโลกยุคนี้อย่างเข้าอกเข้าใจคนเจนใหม่ ที่ล้วนเป็น Target Group ผู้เป็นลูกค้าคนสำคัญซึ่งมีอยู่ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ของบ้านเราคือ ทุนที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมบันเทิง(อย่างได้คุณภาพและมาตรฐาน) กับกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมนี้ไปสู่การแข่งขันในระดับโลก ยังคงเป็นปัญหาที่ทำให้บรรดาผู้สร้างภาพยนตร์หรือผู้ผลิตซีรี่ส์ ถ้าไม่ใช่ค่ายใหญ่ทุนหนา ก็ต้องช่วยเหลือตนเองโดยวิ่งหาทุนรอนมาเพื่อผลิตหนังหรือซีรี่ส์ และต้องแบกรับความเสี่ยงของการขาดทุน การถูกจัดเรตหนัง การถูกเซ็นเซอร์ให้ต้องปรับแก้ตัดโน่นนี่หลายจุดซึ่งบ่อยครั้งก็ดูไร้เหตุผล นี่ยังไม่ได้พูดถึงสวัสดิการและสวัสดิภาพของคนทำงานกองถ่ายเลยด้วยซ้ำ และถึงแม้รัฐจะหยิบยื่นความช่วยเหลือสนับสนุนอันจำกัดมาให้บ้างก็ตาม แต่ด้วยความล้าสมัยของ พ.ร.บ.ภาพยนตร์ 2551 รวมถึงกฎกระทรวงที่ยังไม่ได้รับการอัพเดท ประกอบกับระบบราชการอันแสนจะเนิบช้า  ทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุปสรรคในการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านนี้ให้เติบโตอย่างเต็มที่

และนี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ถนนทุกสายมุ่งไปหา “นายทุนเอกชน” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ได้งบสักก้อนมาผลิตคอนเท้นท์ แต่ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นช่องทางให้ “บุคคลบางประเภท” ในคราบคนทำงานเบื้องหลังที่ดูเป็นคนรุ่นใหม่ นำเสนองานเก่ง วิ่งเข้าชนนายทุนโดยใช้วาทะศิลป์หว่านล้อมจนได้เงินทุนมาผลิตงาน เช่นเดียวกับการหว่านล้อมทีมงานและนักแสดงเพื่อให้มาร่วมงาน ซึ่งมันไม่ได้ผิดแปลกอันใดเลย ออกจะน่าชื่นชมด้วยซ้ำ ถ้า…การเจรจาเป็นไปโดยสุจริต ไม่เคลือบฉาบไปด้วยแผนการตามสันดานคนโกงในภายหลัง!

เรื่องราวบอกเล่าจากปากของบรรดา “ผู้เสียหาย” มากมาย ตั้งแต่นายทุน หุ้นส่วน เพื่อนร่วมงาน ทีมงานกองถ่าย ไปจนถึงเหล่านักแสดง พรั่งพรูด้วยความคับแค้นจากการถูกหักหลัง ถูกโกงดื้อๆ ทีมงานทำงานแล้วโดนเท ไม่ได้ค่าแรง บ้างก็ได้มาแค่ส่วนเดียว บ้างพอตามทวงถามกลับโดนด่าโดนขู่ ทีมงานบางคนต้องกลายเป็น “แพะรับบาป” เมื่อมิจฉาชีพสายวายรายนี้ถูกไล่บี้จากนายทุน ถูกทวงหนี้สินที่ไปหลอกลวงเขามา ถูกทวงค่าจ้างจากใครต่อใคร ก็อ้างเอ่ยแปะป้ายให้ใครสักคนในทีมเป็นแพะแทนตัวเอง หากใครโทรไปทวงถามทำท่าทีไม่ยอม มิจฉาชีพสายวายรายนี้ก็จะอัดเสียงการพูดคุยเอาไว้ตัดต่อเพื่อแบล็คเมล์ทุกคนไป …เจอแบบนี้เข้าหลายคนก็เข็ดขยาด ลาขาดเลิกคบ ทำได้แค่ตั้งกลุ่มถกถามกันถึงความเสียหายที่แต่ละคนได้รับ

ถามว่าโดนโกง โดนเท โดนแอบอ้าง โดนแบล็คเมล์ กันมากกว่า 30 คนที่เป็นทั้งเพื่อนเก่า หุ้นส่วน คนเขียนบท ทีมนักแสดง และทีมงานเบื้องหลังมากมาย แถมเรื่องราวเกิดมานานตั้งแต่ก่อนช่วงโควิด แต่มิจฉาชีพสายวายรายนี้ยังลอยนวลอยู่ได้ แถมยังแอบเอาคอนเท้นท์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของนายทุนไปขายไปอัพลง youtube สร้างรายได้ให้ตัวเองหน้าตาเฉย ทว่าทุกคนเพิ่งมาพบว่ามีผู้เสียหายจาก “มิจฉาชีพสายวาย” รายนี้มากมายอย่างนึกไม่ถึง!

อีกทั้งเมื่อไล่เรียง “วีรกรรมวีรเวร” ในอดีตของคนๆ นี้ ก็พบว่าเคยก่อเหตุโกงสนั่นมาตั้งแต่สมัยอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจากเพื่อนร่วมคณะทั้งรุ่นน้องและรุ่นเดียวกันที่ก็กลายเป็น “ผู้เสียหาย” ไปด้วย

เรียกว่าโกงตั้งแต่ยังละอ่อน พอเรียนจบมาแทนที่จะใช้ความสามารถและพรสวรรค์ไปในทางที่สร้างสรรค์เหมือนอย่างผลงานที่เจ้าตัวทำออกมาหลายต่อหลายเรื่อง ได้แสงจากการโปรโมทตัวเองบนหน้าสื่อในคราบ “คนรุ่นใหม่ที่น่าจับตา” แต่เบื้องหลังกลับแฝงไว้ด้วยกลโกงที่แสนจะอีรุงตุงนัง ทั้งก่อหนี้สินและเพิ่มโจทก์ไปเรื่อยๆ ในแทบทุกเรื่องหลังจากปิดกล้องคือ หายนะของผู้ร่วมงานแทบทุกคนก็ว่าได้

ถามต่ออีกว่า “แล้วทำไมคนๆ นี้ยังรอดคดีมาได้?” ก็เพราะยังไม่มีใครเอาเรื่องเอาราวให้เป็นคดีความไงล่ะ นี่เป็นเรื่องที่บรรดาผู้เสียหายจะต้องตระหนักในสิทธิของตัวเองเสียก่อน สิทธิที่ไม่ยอมให้ใครมาละเมิดเอาเปรียบ สิทธิที่จะป้องกันตัวเองจากการถูกแบล็คเมล์ สิทธิที่จะใช้กฎหมายจัดการคนโกง เพื่อหยุดคนๆ นี้ให้ได้ จะได้ไม่ต้องมี “เหยื่อกลโกง” มาเพิ่มอีก และยังเป็นการคลีนวงการบันเทิงไทยไม่ให้มีที่อยู่ที่ยืนสำหรับคนแบบนี้ด้วย!

รวมๆ มูลค่าความเสียหายแล้ว คาดว่าน่าจะหลักหลายสิบล้าน ข่าวล่าสุดตอนนี้บรรดาผู้เสียหายได้รวมตัวกันเพื่อเข้าแจ้งความ และกำลังตั้งทนายฟ้องมิจฉาชีพสายวายรายนี้แล้วด้วย มารอดูตอนจบของเรื่องนี้กันต่อไปว่าจะสามารถกำจัดเหลือบไรมายาตัวนี้ไปได้หรือไม่ มีข่าวคืบหน้าอย่างไรจะมาอัพเดทกันอีกที

 

ทีมข่าวมหาชนบันเทิง – รายงาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *