กรมส่งเสริมการเกษตรเชื่อมโยงสินค้าเกษตรวิสาหกิจชุมชนสู่ชมรมร้านอาหารและเครื่องดื่มจังหวัดพะเยา ขยายโอกาสทางธุรกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ขับเคลื่อนนโยบาย“ตลาดนำ นวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้” โดยส่งเสริมสนับสนุนการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการสนับสนุนผลผลิตทางการเกษตรของวิสาหกิจชุมชน ระหว่าง “ชมรมร้านอาหารและเครื่องดื่มจังหวัดพะเยา” และ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์ผลิตภัณฑ์ลิ้นจี่คุณภาพห้วยป่ากล้วย” “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผลิตพืชปลอดภัยตำบลบ้านเหล่า” “วิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตภัณฑ์ข้าวชุมชนตำบลจุน” ณ งานมหกรรมการเกษตรและท่องเที่ยวถนนสายดอกไม้งามริมกว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา
เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนและชมรมร้านอาหารฯ ได้มีพื้นที่ทำงานร่วมกันและวางแผนการผลิตสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด โดยทางชมรม ฯมีความต้องการซื้อลิ้นจี่พรีเมียม GI อำเภอแม่ใจ 3 – 4 ตันต่อปี ผักสลัดและผักสวนครัว เช่น กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค คอส ฟักทอง ขิง ข่า ตะไคร้ ในปริมาณ 400 กิโลกรัมต่อเดือน ข้าวสาร กข 15 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งมีความหอม นุ่ม ที่เป็นเอกลักษณ์ ปริมาณ 40 ตันต่อปี โดยรับซื้อในราคาที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า ชมรมร้านอาหารฯและวิสาหกิจชุมชน จะมีกิจกรรมความร่วมมือภายใต้ MOU 1) ร่วมวางแผนการผลิตให้ได้ปริมาณ ชนิด/ประเภท มาตรฐานความปลอดภัยอาหารและมีคุณค่าทางโภชนาการตรงความต้องการของร้านอาหาร 2) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลความพึงพอใจและความต้องการของผู้บริโภค เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์
ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรจะร่วมทำงานกับทั้งชมรมฯ และวิสาหกิจชุมชน โดยสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ เช่น สารสกัดสำคัญในกลุ่มพืชผักสวนครัว/สมุนไพร รสชาติของผลไม้ลิ้นจี่ ความหอมนุ่มของข้าวหอมมะลิ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานอาหารที่ปรุงและมีส่วนประกอบจากผลผลิตที่ปลูกในสภาพแวดล้อมของจังหวัดพะเยาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น โดยเชฟที่มีฝีมือจากชมรมร้านอาหารและเครื่องดื่มจังหวัดพะเยา โดยเฉพาะเชฟยุทธภูมิ นันตาแสง ประธานชมรมฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นเชฟปรุงอาหารอาหารให้แก่คณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดพะเยา ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567