นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้หารือถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประกาศอัตราชดเชย ซึ่งที่ประชุม กบน. เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ประเภทน้ำมันดีเซลเพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเกิน 30 บาท/ลิตรได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป โดยการดำเนินการปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในกลุ่มน้ำมันดีเซล กบน. จะพิจารณาถึงข้อมูลต่างๆ ตามความเหมาะสมของช่วงเวลา เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและการบริหารจัดการของผู้ค้าน้ำมันมากจนเกินไป ทั้งนี้ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน 31 มีนาคม – 1 เมษายน 2567 ยังไม่มีการดำเนินการอย่างแน่นอน
ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 มีมติเห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน โดยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ซึ่งกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังร่วมกันบริหารจัดการราคาขายปลีก โดยใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกยังคงตัวอยู่ระดับสูง 104.03 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เฉลี่ยวันที่ 1 – 20 มี.ค.67) กบน. จึงเห็นควรมีการพิจารณาปรับอัตราเงินกองทุนฯ ประเภทน้ำมันดีเซล เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลภายในประเทศสอดคล้องกับราคาตลาดโลกมากขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป
โดยจะนำข้อมูลต่างๆ ที่มีผลต่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมาพิจารณาร่วมกับแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2563 – 2567 ทุกครั้งที่มีการปรับอัตราเงินกองทุนฯ ในประเภทน้ำมันดีเซล ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้จะเป็นการช่วยให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวดีขึ้น เพื่อสามารถใช้กองทุนฯ เป็นเครื่องมือรองรับกับสถานการณ์วิกฤตราคาน้ำมันที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะดำเนินการประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อหารือในเรื่องอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อไป
สำหรับประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 24 มีนาคม 2567 ติดลบ 98,220 ล้านบาทแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 51,136 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 47,084 ล้านบาท