ภาคีเพื่อส่งเสริมสุขภาวะคนข้ามเพศ นำโดย คุณณชเล บุญญาภิสมภาร ประธานมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน (ThaiTGA) ยื่นจดหมายเปิดผนึก สะท้อนสถานการณ์ปัญหาและข้อเรียกร้องเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาสุขภาวะคนข้ามเพศ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
โดยมอบหมายให้ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับจดหมายเปิดผนึก เนื่องในกิจกรรมรณรงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาวะคนข้ามเพศ ระหว่างวันที่ 27 – 30 มีนาคม พ.ศ. 2567โดย ภาคีเพื่อส่งเสริมสุขภาวะคนข้ามเพศ ได้รายงานสถานการณ์ และข้อจำกัดด้านบริการสุขภาพในหน่วยบริการของรัฐ ดังนี้
1. ปัญหาความชัดเจนในมาตรฐานและคุณภาพการให้บริการ และทัศนคติของผู้จัดบริการที่ต้องมีความเข้าใจความหลากหลายทางเพศ
2. ขาดบริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมถึงพื้นที่ในต่างจังหวัด
3. ขาดการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพ การจัดบริการในมิติสุขภาพที่เน้นเพียงบริการด้านเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เท่านั้น
4. ขาดมิติทางสุขภาพที่เป็นองค์รวมเพื่อการมีสุขภาวะของคนข้ามเพศ
ยื่น 6 ข้อเสนอ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาพของคนข้ามเพศ สู่การมีสุขภาวะที่ดี ดังนี้
1. จัดบริการด้านเอชไอวีในกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศให้เป็นบริการที่เน้นการพัฒนาสุขภาพแบบองค์รวม สอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศสภาพของบุคคล
2. สนับสนุนการมีส่วนร่วมของคนข้ามเพศ ในการติดตามและการนําเสนอความก้าวหน้าในงานวิจัยและการพัฒนาระบบบริการสุขภาพแบบรอบด้าน
3. พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสุขภาพทุกระดับ ให้มีทักษะ มีความรู้ และมีความละเอียดอ่อน
ในการจัดบริการด้านสุขภาพให้กับคนข้ามเพศ
4. สนับสนุนและพัฒนาข้อมูลวิชาการ การวิจัยในระบบบริการสุขภาพแบบรอบด้าน ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนข้ามเพศ และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม
5. สนับสนุนการพัฒนามาตรฐานและระบบบริการสุขภาพที่สอดคล้องกับคนข้ามเพศสูงวัย
6. พัฒนาบริการด้านสุขภาพจิต ให้เป็นไปตามมาตรฐานการดูแลสุขภาพสำหรับบุคคลข้ามเพศ
และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ฉบับที่ 8 ในการออกหนังสือรับรองแก่ผู้หญิงข้ามเพศในการเกณฑ์ทหาร
ทั้งนี้ นายเตชิต ชาวบางพรหม หัวหน้าศูนย์ขับเคลื่อนสุขภาวะเขตเมือง (ศสม.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับทีมเครือข่ายคนข้ามเพศ เสนอให้มีการจัด Pride health assembly หรือ สมัชชาสุขภาพที่เป็นธรรมของคนข้ามเพศ ภายในปี 2567 เพิ่มโอกาสการมีส่วนร่วมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาข้อเสนอนโยบายนำไปสู่การดำเนินงานเพื่อลดช่องว่างต่อไป.