นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2567 ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวน 120,526 ล้านบาท (ลดลงจากปี 2566 จำนวน 9,217 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 7.10) โดยงบประมาณที่ได้รับจัดสรร สามารถจำแนกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ
- กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบุคลากร จำนวน 24,244 ล้านบาท
- กลุ่มงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ (Function) จำนวน 54,014 ล้านบาท
- กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ (Agenda) จำนวน 40,317 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงเกาตรและสหกรณ์ เกี่ยวข้อง 6 แผนงานบูรณาการ ได้แก่ (1) แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 75 ล้านบาท (2) แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 2 ล้านบาท (3) แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จำนวน 6 ล้านบาท (4) แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จำนวน 3 ล้านบาท (5) แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน 40,217 ล้านบาท (6) แผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล จำนวน 14 ล้านบาท
- กลุ่มงบประมาณรายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน จำนวน 1,951 ล้านบาท
สำหรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดำเนินการสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) นโยบายสำคัญของรัฐบาล และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากจำแนกงบประมาณ 120,526 ล้านบาท ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน สามารถจำแนกได้ 5 ด้าน ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย
1) ด้านความมั่นคง วงเงิน 299 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านการประมง ป้องกันและแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) และพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
2) ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน วงเงิน 32,719 ล้านบาท ดำเนินการในเรื่องเกษตร อัตลักษณ์พื้นถิ่น เกษตรปลอดภัย เกษตรชีวภาพ เกษตรแปรรูป เกษตรอัจริยะ และส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศการเกษตร เพื่อเสริมสร้างให้การพัฒนาภาคเกษตรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
3) ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม วงเงิน 2,759 ล้านบาท
เพื่อดำเนินการในเรื่องส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และถ่ายทอดความรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการหลวง ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การสร้างความเข้มแข็งของกลุ่ม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาตลาด และบริหารจัดการที่ดินทำกินแก่เกษตรกรรายย่อยและผู้ด้อยโอกาส
4) ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วงเงิน 84,735 ล้านบาท เพื่อดำเนินการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ทั้งการบริหารจัดการพื้นที่ชลประทานเดิม การป้องกันระดับน้ำเค็ม การปฏิบัติการฝนหลวง จัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รวมทั้งการลดการเผาในพื้นที่เกษตรและการลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจก
5) ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ วงเงิน 14 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับบุคลากรภาครัฐเพื่อการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล และพัฒนาแพลตฟอร์มการขอสนับสนุนปัจจัยการผลิต ให้มีความสะดวกในการเข้าถึงบริการอย่างรวดเร็วและทันสมัย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเชิงรุกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ จากแผนการขับเคลื่อนงบประมาณข้างต้น และตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เชื่อมั่นว่า จะส่งผลให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรได้รับการพัฒนาศักยภาพให้มีความเข้มแข็งนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการด้านเกษตร เพื่อไปสู่เป้าหมาย ยกระดับรายได้เกษตรกรจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ด้วย 9 นโยบายสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์