นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะระบบราง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับภาคโลจิสติกส์ ประกอบกับจากการหารือร่วมกับเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ที่ได้นำผู้บริหารบริษัท MERMEC Group ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบปัญหาระบบราง ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบบริหารจัดการทรัพย์สินเกี่ยวกับรถไฟเข้าหารือ และแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยี เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (สทร.) ได้ลงนามกับบริษัท MERMEC Group ในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมศักยภาพนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีราง ณ การรถไฟแห่งสาธารณรัฐอิตาลี เพื่อแลกเปลี่ยนและถ่ายโอนความรู้ด้านเทคนิคและนวัตกรรมจากอิตาลี การจัดทำโครงการวิจัยร่วม และการพัฒนาระบบมาตรฐานและทดสอบระบบราง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยีระบบรางในประเทศไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ภายหลังการลงนามดังกล่าว ตนได้หารือร่วมกับ Mr. Edoardo Rixi รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม สาธารณรัฐอิตาลี ถึงความร่วมมือด้านการคมนาคมขนส่งของทั้งสองประเทศในภาพรวม โดยได้นำเสนอว่าประเทศไทยมีโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการหลายโครงการ เช่น โครงการขยายและปรับปรุงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานเชียงใหม่ โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเมืองและระหว่างเมือง โครงการรถไฟทางคู่ เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้า และการขนส่งผู้โดยสาร รวมถึงอำนวยความสะดวกและรองรับการเดินของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับนโยบาย Quick Win ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ฝ่ายอิตาลียังได้แจ้งว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมที่สำคัญ อาทิ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลจากทางตอนใต้ของอิตาลีไปยังเกาะซิซิลี และการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายต่าง ๆ ทางตอนใต้ของอิตาลี เพื่อหวังให้ประเทศเป็นศูนย์กลางทางการคมนาคมของภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงเรื่องพลังงานสะอาดในภาคการขนส่ง อย่างไรก็ตาม ประเทศอิตาลีถือว่ามีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมการต่อเรือและระบบราง ซึ่งประเทศไทยจะนำประสบการณ์ของอิตาลีในหลาย ๆ เรื่องที่เป็นประโยชน์มาประยุกต์ใช้กับโครงการต่าง ๆ ของประเทศไทยด้วยเช่นกัน