รสชาติสับปะรดที่ หวาน หอม กรอบ แกนกลางรับประทานได้ รสชาติไม่กัดลิ้น นี่คือ จุดเด่นของสับปะรดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่อและเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัด ปลูกพื้นที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าที่ภูเก็ต จนทำให้ได้รับตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI
นายระวี รองเเก้ว ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสับปะรดภูเก็ต ผู้นำผลผลิตมาจำหน่ายที่ โก โฮลเซลล์ สาขาราไวย์ เป็นช่องทางขายล่าสุด เล่าว่า ด้วยพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ต เป็นเกาะ มีน้ำทะเลล้อมรอบ ทำให้ค่าดินมีความแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ การปลูกสับปะรดจึงต้องดูแลเอาใจใส่ ไม่ให้มีวัชพืช หากมีวัชพืชเยอะ สับปะรดก็จะไม่ได้คุณภาพ รสชาติจะไม่ผ่าน ไม่สะอาด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สับปะรดภูเก็ตมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รสชาติหวาน หอม กรอบ แกนกลางทานได้ เนื้อสีเหลือง เส้นใยน้อย เหมาะสำหรับทานแบบผลสด และที่สำคัญรสชาติจะไม่กัดลิ้นผู้ที่ได้ลิ้มลอง
ปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกสับปะรดในภูเก็ตมีน้อย มีเพียง 800 – 900 ไร่เท่านั้น ขณะที่สมาชิกของวิสาหกิจชุมชนสับปะรดภูเก็ต นายระวี บอกว่า เหลือกันอยู่เพียง 10 กว่ารายจากเมื่อก่อนมีกัน 27-28 ราย สาเหตุที่หายไปก็ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเกษตรกรมีอายุมาก ไม่มีคนสานต่อ พื้นที่ในการเพาะปลูกหายาก และมีขโมยเยอะ ก่อนหน้านี้การปลูกจะเป็นต่างคนต่างปลูก ต่างคนต่างขาย พอปี 2550 เกษตรจังหวัดได้ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มกัน จนเป็นวิสาหกิจชุมชนฯ นี้ขึ้น ซึ่งพวกเราก็ช่วยกันส่งเสริมการเพาะปลูก และพัฒนามาตรฐานต่างๆ กระทั่งในปี 2551 จึงได้ยื่นขอเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI และเริ่มใช้สัญลักษณ์ GI ในปี 2554 เพราะต้องมีการตรวจสอบทุกแปลง ให้ได้มาตรฐาน
นายระวี ย้ำอีกว่า สับปะรดภูเก็ต ที่มีเครื่องหมาย GI ต้องเป็นสับปะรดที่ปลูกในภูเก็ต หากปลูกที่อื่นจะไม่มีเอกลักษณ์ของสับปะรดภูเก็ต ซึ่งฤดูกาลที่จะออกผลผลิตได้ดีคือช่วงเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ เท่านั้น หลังจากนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเลย ไม่น่าแปลกใจ หากความต้องการสับปะรดภูเก็ตในกลุ่มผู้บริโภคยังมีสูง สวนทางกับพื้นที่เพาะปลูกและปริมาณผลผลิตที่น้อย
โดยเฉพาะ สับปะรดภูเก็ตแท้ๆ ที่แม้ผลผลิตจะมีไม่มาก แต่เมื่อใดที่วางขาย ทุกช่องทางจำหน่ายต่างก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะส่งขายที่ ห้างโมเดิร์นเทรด โรงแรม พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย หรือล่าสุด ได้ขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ไปยัง “โก โฮลเซลล์ สาขาราไวย์” ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ทางเลือกใหม่เพื่อผู้ประกอบการ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งมีนโยบายสนับสนุนผลผลิตของเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นส่งจำหน่ายที่ จำนวน 50- 100 ลูกต่อสัปดาห์ ส่งผลให้สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสับปะรดภูเก็ตกลุ่มนี้ มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีกำลังใจปลูกสับปะรดภูเก็ต รักษารสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ให้คนได้ลิ้มชิมรสต่อไป
อนาคตคาดว่ากลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ นี้ จะสามารถขยายการส่งผลผลิตให้ โก โฮลเซลล์ เพิ่มขึ้น โดยอาจขยายไปทุกสาขาทั้ง 8 แห่งทั่วประเทศ และสาขาใหม่ที่กำลังจะเปิดที่จังหวัดภูเก็ตอีก 1 สาขา (สาขาเมืองภูเก็ต) ในเร็วๆ นี้