เมื่อวันที่ 24-27 กันยายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา คณะนักศึกษาหลักสูตร “ผู้บริหารธุรกิจไทย–จีน” หรือ บทจ.รุ่นที่1 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีน ภายใต้ความร่วมมือจากหอการค้าไทย–จีน และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้จัดทริปเดินทางศึกษาดูงานในประเทศจีน โดยได้เดินทางมายังเมืองเจิ้งโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลเหอหนาน ในภาคกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีนประเทศจีนโดยมีกำหนดการเดินทางศึกษาดูงานสถานที่ต่างๆ เป็นเวลา 4วัน
ในวันที่ 25 กันยายน คณะนักศึกษาหลักสูตรบทจ.รุ่นที่ 1 ได้ไปเยี่ยมชมขบวนรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป ขบวนรถไฟเหล่านี้เปรียบเสมือนมังกรเหล็กที่ขนส่งการค้าระหว่างศูนย์กลางของจีนและทั่วโลก โดยขบวนรถไฟที่ออกจากเจิ้งโจว เดินทางไปถึงยังทวีปยุโรป เอเชียกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนานคือ จงหยวน เปรียบเสมือนศูนย์กลางหัวใจที่มีเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมจุดต่างๆ ของโลกเข้าด้วยกัน การขนส่งสินค้าจากศูนย์กลางของจีนไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกเป็นไปอย่างต่อเนื่องมีทั้งขาไปและขากลับนำสินค้าพิเศษจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกกลับมายังจีนอีกด้วย
หลังจากนั้น คณะนักศึกษาหลักสูตรบทจ.รุ่นที่ 1 ได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์คัดแยกสินค้าของ JD Logistics ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยในการจัดการ ภายในคลังสินค้าขนาดใหญ่ อุปกรณ์ระบบและหุ่นยนต์อัตโนมัติทำงานอย่างเป็นระบบ หีบห่อสินค้าเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วบนสายพานและถูกคัดแยกอย่างแม่นยำ ทำให้ทุกคนทึ่งในเทคโนโลยีการคัดแยกขั้นสูงของบริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ของจีน ที่เป็นผลมาจากการจัดการที่มีประสิทธิภาพและการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ในช่วงบ่าย คณะผู้เยี่ยมชมได้เดินทางมาถึง สำนักงานใหญ่ของอาลีบาบาในเมืองเจิ้งโจว ที่นี่คณะนักศึกษาหลักสูตรบทจ.รุ่นที่ 1 ได้เรียนรู้ข้อมูลการดำเนินงานระหว่างประเทศของอาลีบาบาอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไปจนถึงการวางแผนการค้าเชื่อมต่อไปยังระดับโลก ทุกขั้นตอนการดำเนินงานเต็มไปด้วยการใส่ความคิดสร้างสรรค์และใช้นวัตกรรม ยิ่งไปกว่านั้น การใช้ Alibaba Cloud Computing ยังมีส่วนช่วยให้ธุรกิจอื่นๆ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล และสามารถนำพาองค์กรไปอยู่บนคลื่นการพัฒนาของยุคข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้ได้เห็นความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดของการพัฒนาธุรกิจในอนาคต
ในวันที่ 26 กันยายน สมาชิกหลักสูตรได้เยี่ยมชมสำนักงานของ Mixue Bingcheng หรือ แบรนด์มี่เสวี่ย ร้านแฟรนไชส์ไอศกรีมและชาเย็นจากประเทศจีน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เจิ้งโจว คณะนักศึกษาหลักสูตรบทจ.รุ่นที่ 1 ได้สัมผัสถึงการดำเนินการเบื้องหลังของธุรกิจขนาดใหญ่ โดยMixue Bingcheng เริ่มต้นจากการคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ผลไม้แต่ละชิ้นและใบชาแต่ละช้อนผ่านการคัดกรองอย่างเข้มงวดเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพที่ยอดเยี่ยม จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการผลิต สายการผลิตที่ทันสมัยทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในการแปรรูปวัตถุดิบให้กลายเป็นส่วนผสมสำหรับเครื่องดื่มแสนอร่อย ในกระบวนการขนส่ง ซึ่งเปรียบเสมือนการทำงานที่แม่นยำ ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานจะมาถึงร้านค้าทั่วโลกได้อย่างสดใหม่และตรงเวลา ปัจจุบันร้านของ Mixue Bingcheng มีกระจายอยู่ทั่วทุกมุมถนน ได้ครองใจผู้บริโภคทั่วโลกด้วยราคาที่เข้าถึงได้และผลิตภัณฑ์ที่รสชาติสากล รูปแบบการให้บริการแบบครบวงจรนี้เปรียบเสมือนคู่มือความสำเร็จทางธุรกิจที่หาโอกาสได้เข้ามาศึกษายากยิ่ง
ในช่วงบ่าย คณะนักศึกษาหลักสูตรบทจ.รุ่นที่ 1 ได้เดินทางไปยังเมืองลั่วหยาง โดยเริ่มต้นที่ศาลเจ้ากวนหลิน ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองลั่วหยาง ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพของกวนอู บรรยากาศของศาลเจ้าแห่งนี้มีความร่มรื่น มีต้นสนโบราณสูงตระหง่าน คำว่า หลิน มีความหมายว่า ป่า ซึ่งแสดงถึงพื้นที่บริเวณนี้ ศาลเจ้ามีความสง่างาม สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความจงรักภักดี ของผู้คนในยุคสามก๊กที่มีวีรบุรุษเกิดขึ้นมากมาย
หลังจากนั้น ได้เยี่ยมชมมรดกโลกถ้ำผาหลงเหมิน ที่มีอายุราว 1,500 ปี เริ่มก่อสร้างในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ ค.ศ. 494 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง บูรณะ และ ต่อเติมยาวนานถึง400 กว่าปีจนถึงยุคราชวงค์ถังและซ่ง ตัวถ้ำและรูปพระพุทธรูปถือเป็นตัวอย่าง ศิลปะพุทธศิลป์ของจีน ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและศรัทธาของช่างฝีมือ รูปปั้นที่แกะสลักตามแนวเขา บางส่วนมีความสง่างาม บางส่วนมีความเมตตา บางส่วนมีความน่าเกรงขาม
ในวันที่ 27 กันยายน คณะนักศึกษาหลักสูตรบทจ.รุ่นที่ 1 ได้เดินทางไปยังวัดม้าขาว หรือ ไป๋หม่าซื่อ ซึ่งถือเป็นวัดทางพุทธศาสนาแห่งแรกที่ตั้งขึ้นในประเทศจีน อยู่ที่เมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน ซึ่งประวัติความเป็นมา คือ ในปีค.ศ. 66 ในรัชสมัยจักรพรรดิมิ่งตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น หลังจากได้มีการส่งคณะทูต 18 คน ไปสืบพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดีย โดยใช้เวลา 3 ปี คณะทูตก็ได้เดินทางกลับ พร้อมด้วยพระพุทธรูป พระภิกษุอีก 2 รูป และคัมภีร์ทางพุทธศาสนามาส่วนหนึ่งด้วย โดยบรรทุกมาบนหลังม้าสีขาวตัวหนึ่ง สถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายและโบราณของวัดม้าขาวเต็มไปด้วยเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ โดยที่นี่ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเข้ามาของพุทธศาสนาในจีน แต่ยังเป็นพยานของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนและอินเดีย
หลังจากนั้น คณะนักศึกษาหลักสูตรบทจ.รุ่นที่ 1 ได้เดินทางไปยังวัดเส้าหลิน ซึ่งเป็นวัดทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีความเก่าแก่อายุมากกว่า 1,500 ปี ตั้งอยู่ในเมืองเติงเฟิง อยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองเจิ้งโจวและเมืองลั่วหยาง ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาซงซาน หนึ่งในจำนวนห้ายอดเขาอันศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวจีน วัดเส้าหลินถือเป็นวัดชื่อดังอันดับหนึ่งของโลก ภายในวัดมีอารามต่าง ๆ ป่าเจดีย์ และ ป่าต้นไม้ที่ดูมีความศักดิ์สิทธิ์ การแสดงของพระสงฆ์เส้าหลินทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าวิชาศิลปะการต่อสู้เส้าหลินที่มีความแข็งแกร่งและรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะการต่อสู้จีน
หลังจากนั้น คณะนักศึกษาหลักสูตรบทจ.รุ่นที่ 1 ได้เข้าสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งมณฑลเหอหนาน ที่นี่เหมือนเป็นคลังสมบัติทางประวัติศาสตร์ขนาดใหญ่ มีการจัดแสดงวัตถุโบราณอันมีค่าอย่างมากมาย ตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาโบราณ เครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกที่สวยงาม ไปจนถึงงานศิลปะและภาพเขียน ทุกชิ้นงานล้วนบอกเล่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในดินแดนเหอหนาน เห็นการเกิดและการพัฒนาของอารยธรรมฮั่วเซียในเหอหนาน และสัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งและความหนักแน่นของจงหยวน หรือ แผ่นดินกลางโบราณ หลังจากนั้นจึงได้ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ของเหอหนาน ที่ชื่อว่า Only Henan Drama Fantasy City ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและงานสร้างสรรค์ที่ ผ่านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น การแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้วัฒนธรรมและประเพณีของเหอหนานถูกนำเสนออย่างชัดเจน ตั้งแต่การเกษตรในสมัยโบราณจนถึงความเจริญรุ่งเรืองในเมืองสมัยใหม่ ทุกฉากล้วนทำให้ผู้คนรู้สึกชื่นชอบ
การเดินทางศึกษาดูงานของคณะนักศึกษาหลักสูตรบทจ.รุ่นที่ 1 ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการดูงานทางธุรกิจ สังคม วัฒนธรรม การท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการสัมผัสถึงความลึกซึ้งของวัฒนธรรมจีนจงหยวนอย่างแท้จริง สามารถนำเอามาเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจสมัยใหม่บนแผ่นดินจีน และยังได้สัมผัสการนำเอาเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมโบราณมาใช้ในธุรกิจอีกด้วย การเดินทางของหลักสูตรฯ ในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการเติมเต็มพลังและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างไทยและจีนของทุกคนที่เกี่ยวข้องต่อไป