“เอกนัฏ” รมว.อุตสาหกรรม เข้าหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรแร่ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีอาระเบีย เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและขยายโอกาสในการลงทุนระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และคณะ เข้าหารือระดับทวิภาคีกับนาย Bandar Ibrahim Alkhorayef รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรแร่ซาอุดีอาระเบีย ณ โรงแรม Four Seasons Riyadh at Kingdom Centre เพื่อยกระดับความร่วมมือระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียในการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการและขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนร่วมกับไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมแร่และพลังงานสะอาด โดยได้เปิดเผยเพิ่มเติมภายหลังการหารือว่า หลังจากที่ประเทศไทยและซาอุดีอาระเบียได้มีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติและมีแนวโน้มในการเติบโตร่วมกันต่อไปในอนาคต ไทยมีการส่งออกรถยนต์และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปไปยังซาอุดีอาระเบียเป็นมูลค่าราวปีละ 1,000 และ 120 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการส่งออกรถยนต์มีการเติบโตถึงกว่า 40% ในปี 2565 และยังมีโอกาสในการขยายส่วนแบ่งทางการตลาด ในขณะที่การส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 21% โดยมีการขยายตัวราว 27% ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างจัดทำข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับทางซาอุดีอาระเบียเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาดผู้ซื้อในประเทศและผลักดันความร่วมมือผ่านการลงทุนร่วมกัน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎหมายและระเบียบ การถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงการลดข้อจำกัดทางการค้าด้านเทคนิค เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยขยายตลาดสินค้าเป้าหมายไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางได้เพิ่มขึ้น
ในวันเดียวกัน นายเอกนัฏฯ ได้เข้าหารือระดับทวิภาคีกับนาย Khalid Abdulaziz Al-Falih รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีอาระเบีย ณ Ministry of Investment for Saudi Arabia (MISA) เพื่อการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลความคืบหน้าของการผลักดันการลงทุนของนักลงทุนไทยและซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เกษตร ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ นายเอกนัฏฯ ได้กล่าวย้ำถึงแนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยเพื่อรองรับการใช้งานในประเทศและการส่งออกสู่ภูมิภาคอาเซียนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลให้ต้องจัดหาแร่และผลิตภัณฑ์จากแร่กลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้น โดยทางซาอุดีอาระเบียแสดงความยินดีที่จะสนับสนุนการค้ากับไทยเพื่อรองรับการพัฒนาดังกล่าว
“การขยายการค้าและลงทุนระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย เป็นโอกาสให้ทั้งสองประเทศใช้จุดแข็งทางอุตสาหกรรมของตนเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาทางเศรษฐกิจของกันและกัน ความร่วมมือในการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของตนได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง และเป็นการปูทางเพื่อสร้างโอกาสและผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนแก่ทั้งสองประเทศในอนาคต” นายเอกนัฏฯ ได้กล่าวทิ้งท้าย