ศาลทหารเลื่อนอีกแล้ว!! คดีรุมซ้อมทรมาน ‘พลทหารวิเชียร’ จนตาย นัดใหม่ 24 พ.ย.นี้

13 ปีแห่งการรอคอยความยุติธรรม แต่ล่าสุด ‘ศาลทหาร’ เลื่อนอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง ในคดีรุมซ้อมทรมาน ‘พลทหารวิเชียร’ จนตาย ไปเป็น 24 พ.ย. อ้างต้องพิจารณาละเอียดและต้องส่ง หน.มณฑลทหารพิจารณาก่อน

วันที่ 25 ตุลาคม มีรายงานความคืบหน้ากรณีศาลมณทลทหารบกที่ 46 นัดฟังคำพิพากษา คดีพลทหารวิเชียร เผือกสม ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกระทำการละเมิดซ้อมทรมาน เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายเมื่อปี 2554 ที่ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งครอบครัวพลทหารวิเชียรต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมมายาวนานเกือบ 13 ปี

โดยในช่วงเช้าวันนี้ มีตัวแทนองค์กรสิทธิมนุษยชน และครอบครัวของพลทหารวิเชียรมารอฟังคำตัดสิน ซึ่งการต่อสู้ในคดีนี้เกิดขึ้นหลังพลทหารวิเชียร ซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาโท คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้สมัครเกณฑ์ทหาร แต่เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2554 ครอบครัวได้รับแจ้งว่า พลทหารวิเชียรบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาอย่างเป็นปริศนาถึงมูลเหตุการตาย ทำให้ครอบครัวคาใจอย่างมาก กระทั่ง น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวต้องออกเดินสายเข้ายื่นหนังสือให้หน่วยงานต่างๆ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมด้วยความยากลำบาก เนื่องจากถูกเพิกเฉยละเลย ไปจนถึงโดนข่มขู่คุกคามต่างๆ นานา ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังถูกดำเนินคดีจาก “นายทหารคู่กรณี” ที่ฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาท และกระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อเธออีกด้วย ก่อนที่จะถูกยกฟ้องในเวลาต่อมา

ภาพจาก : iLAW

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา น.ส.นริศราวัลถ์ มุ่งมั่นเดินหน้าสู้เพื่อน้าชายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยทางแพ่งได้ยื่นฟ้อง กระทรวงกลาโหม กองทัพบก และ สำนักนายกรัฐมนตรี ศาลพิพากษาเมื่อปี 2557 ให้กองทัพบกจ่ายค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดแก่ครอบครัว ประมาณ 7 ล้านบาท

ในส่วนคดีอาญา พนักงานอัยการศาลทหาร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทหารทั้ง 10 นาย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นทหารไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา และศาลมณฑลทหารบกที่ 46 ประทับรับฟ้อง เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2564 ระหว่างการพิจารณาของศาล ครอบครัวได้ทำหนังสือและเอกสารสำนวนคดีความไปยังศาลเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่า ความผิดฐานร่วมกันฆ่าโดยมิได้เจตนามีโทษสถานเบา จึงขอให้พิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 และ 83 ร่วมกันทำร้ายร่างกาย โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ที่มีโทษสถานหนักกว่า

ทั้งนี้ ได้มีการนัดฟังคำพิพากษาครั้งแรกวันที่ 25 สิงหาคม 2566 แต่ทว่าศาลกลับแจ้งให้คู่ความทราบในวันนัดว่ามีปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ แม้จะใช้เวลา “พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ” นานนับสิบปีที่ผ่านมาแล้วก็ตาม จึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 25 ตุลาคม 2566

ซึ่งในวันนี้ ศาลมณฑลทหารบกที่ 46 ปัตตานี ได้นัดอ่านคำพิพากษา โดยมีตัวแทนองค์กรสิทธิมนุษยชน และครอบครัวของพลทหารวิเชียรมาเฝ้ารอฟังคำตัดสิน โดยญาติๆ ระบุว่า “อยากให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างในการลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน” แต่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทุกคนต้องผิดหวัง!

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ศาลทหารเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาอีกเป็นครั้งที่สอง จากวันนี้(25 ตุลาคม) ไปเป็นวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 โดยในครั้งนี้ ศาลชี้แจงว่า “คดีนี้เป็นคดีที่ต้องมีการพิจารณาหลายประเด็นโดยละเอียด และคดีนี้ยังอยู่ในเขตพื้นที่กฎอัยการศึกอีกด้วย จึงต้องส่งให้ฝ่ายหัวหน้ามณฑลทหารพิจารณา”

เป็นอันว่าการรอคอยความยุติธรรมยังคงต้องดำเนินต่อไปอีก ขณะที่รอยด่างของกองทัพบกที่ไม่เคยถูกชำระสะสางเสียทีจนกลายเป็นมลทินซ้ำซากที่เกิดในค่ายทหาร ก็ยังคงมีคดีปรากฎอยู่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และ “ฆาตกรในเครื่องแบบ” ก็ยังคงลอยนวลอยู่ในค่ายทหารกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนเหมือนเดิม ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว คำถามก็คืออีกนานแค่ไหนที่ฝ่ายกองทัพไทยจะปฏิรูปกระบวนการทั้งองคาพยพที่นำ ‘ความเสื่อม’ มาสู่หน่วยงานของตนเสียที?

ฮัลวา ตาญี – รายงาน

https://www.facebook.com/CrCF.Thailand/posts/808968434360168?ref=embed_post

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *